RIM ผูัผลิต BlackBerry แถลงการในประเด็นที่บริษัทกำลังโอนอ่อนตามข้อเรียกร้องของอินเดียให้เปิดเผยข้อความบนเครือข่ายของ RIM สี่ประเด็นดังนี้
ASUS นั้นโชว์ Eee Pad จำนวนมากมาตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงของการประกาศราคากันบ้างแล้ว โดยผู้บริหารของ ASUS ใบ้มาเพียงว่า Eee Pad รุ่น Android นั้นจะราคาต่ำกว่า 400 ดอลลาร์หรือ 12,800 บาท
ราคานี้เป็นการตั้งเพื่อให้ต่ำกว่า iPad อย่างจงใจเพราะตัว iPad นั้นรุ่นต่ำสุดอยู่ที่ 499 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตามไม่มีความชัดเจนถึงสเปคที่แท้จริงของ Eee Pad นอกจากว่ามันมีหน้าจอขนาด 10" โดยข้อจำกัดสำคัญของ Android คือมันรองรับหน้าจอสูงสุดเพียง 854x480 เท่านั้น ดังนั้น Eee Pad อาจจะต้องรอ Android 3.0 ที่เชื่อกันว่าจะรองรับหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น หรือไม่แล้ว Eee Pad ก็จะกลายเป็นรุ่นความละเอียดต่อพื้นที่ต่ำเป็นพิเศษไป
การโอเพนซอร์สครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในหลายปีที่ผ่านมาคือการโอเพนซอร์ส Solaris จนเกิดโครงการ OpenSolaris ที่เป็นส่วนโอเพนซอร์สของ Solaris ที่มีซอฟต์แวร์อื่นๆ ร่วมไปด้วย แต่อีเมลภายในของออราเคิลก็แสดงถึงท่าทีที่จะหยุดโครงการ OpenSolaris ไว้แต่เพียงเท่านี้ โดยมีรุ่นฟรีคือ Solaris Express มาแทนที่
แทนที่จะเป็นโครงการแยกและมีกระบวนการที่เปิดเผยเช่นทุกวันนี้ Solaris จะถูกพัฒนาโดยออราเคิลเป็นหลัก แต่ซอร์สโค้ดนั้นจะยังคงถูกแนบไปกับตัวซอฟต์แวร์ในรูปแบบไลเซนส์ CDDL ของซันแต่เดิม
หัวข่าวฟังดูโม้ไปนิด อันนี้ผมเอามาจากแถลงการณ์ของ Activision Blizzard สรุปคือทุกคนรู้ว่า StarCraft II ย่อมขายดี แต่ขายได้เท่าไรกัน?
ที่งาน QuakeCon 2010 เมื่อวันก่อน John Carmack บิดาแห่ง Doom และ Quake ได้โชว์เดโมของเกมใหม่ล่าสุด "Rage" ซึ่งเป็นเกม FPS ผสมการขับรถ เกมนี้จะเป็นเกมแรกที่ใช้เอนจิน Tech 5 ตัวใหม่ของ id Software (ซึ่งจะถูกนำไปใช้ใน Doom 4 ด้วย)
ความไม่ธรรมดาของ Rage/Tech 5 อยู่ที่มันสามารถรันบน iPhone และอุปกรณ์ตระกูล iOS ทั้งหมดได้อย่างลื่นไหล (60 เฟรมต่อวินาที ดูวิดีโอประกอบ) ตัวอย่างในวิดีโอนั้น Carmack ใช้ iPhone 4 แต่เขาก็พูดว่า "มันทำงานได้ดีบน iPhone 2G รุ่นแรก" ด้วย
ตามข่าวระบุว่าเกมตระกูล Rage เวอร์ชัน iOS จะออกขายในปีนี้ ส่วนเกมภาคเต็มบนพีซีจะวางขายปีหน้า
Notion Ink "Adam" แท็บเล็ตจากอินเดีย มีจุดขายคือจอภาพจาก Pixel Qi แสดงภาพได้ 2 โหมด (ขาวดำ-สี) หลังจากมีข่าวเมื่อคราวก่อน ยังไม่สามารถวางจำหน่ายได้ และประกาศปรับสเปก-ราคาจากเดิม (เจอโรคเลื่อนนั่นเอง)
กูเกิลปรับสถานะของ Chrome 6 จาก Dev เป็น Beta เรียบร้อย ปรับช่วงการออกให้เร็วขึ้นเป็นทุก 6 สัปดาห์
ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญได้แก่
ที่เหลืออ่านใน มีอะไรใหม่ใน Chrome 6 (และอะไรถูกโยกไปไว้ใน Chrome 7)
ที่มา - Ars Technica
หลังจากปล่อยให้แอลจี อัสซุส และ HTC (1, 2) มีภาพหลุดต้นแบบโทรศัพท์มือถือใช้ Windows Phone 7 ล่าสุดก็มีภาพหลุดต้นแบบของซัมซุงมาให้เชยชมกันบ้าง
จากภาพ (ดูได้ที่ท้ายข่าว) Engadget ได้ตั้งข้อสังเกตว่าปุ่ม Start นั้นเป็นปุ่มแยกอิสระเช่นเดียวกับต้นแบบแอลจีและอัสซุส ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าไมโครซอฟท์คงวางแนวทางการออกแบบให้เหล่าผู้ผลิตไว้
ข้อดีข้อหนึ่งของเทคโนโลยี .NET คือมันรองรับภาษาจำนวนมากโดยเฉพาะภาษาในกลุ่ม dynamic เช่น Python ภายใต้โครงการ IronPython และ Ruby ภายใต้ IronRuby แต่ Jimmy Schementi โปรแกรมเมอร์คนหนึ่งที่ดูแลโครงการ IronRuby ที่เพิ่งลาออกมาก็ระบุว่าทีม IronRuby นั้นได้รับทรัพยากรจำกัดลงเรื่อยๆ ในช่วงปีหลัง ในวันที่เขาลาออกนั้นมีโปรแกรมเมอร์ทำงานส่วนนี้เพียงสองคนเท่านั้น
ไม่มีความชัดเจนว่าในส่วนของ IronPython นั้นมีสภาพเป็นเช่นไร อย่างไรก็ตามในช่วงหลังมานี้ไมโครซอฟท์เอาจริงกับ PHP ค่อนข้างมาก โดยมีการรองรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ใน IIS และ Azure เองก็สนับสนุน PHP
ที่มา - International Business Times
ที่ผ่านมาทุกคนค่อนข้างเห็นด้วยกับการที่แอนดรอยเปิดกว้างใครผู้ผลิตคอนเทนต์ผลิตอะไรก็ได้ ตรงข้ามกับ Apple โดยสิ้นเชิง จนเกิดวาทะจาก Steve Jobs ว่าถ้าอยากซื้อโปรแกรมโป๊ก็ให้ไปซื้อบนแอนดรอย แต่ความเป็นอิสระนั้นถ้าไม่ถูกตรวจสอบเลยก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง หากเจ้าของระบบปฏิบัติการมีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งนี้กำลังจะเป็นเรื่องที่ผมอยากนำเสนอและสอบถามความคิดเห็นของทุกท่าน ว่าอะไรคือเส้นแบ่งระหว่างอิสระภาพกับความรับผิดชอบผมขอยกกรณีตัวอย่างให้เห็นภาพครับ
เหตุเกิดเนื่องจากคุณ Michael Gartenberg ได้ทวีตบนทวิตเตอร์ว่าเขาได้ค้นหาคำว่า "Jewish" ในแอนดรอยมาร์เก็ตกลับพบ themes ของนาซีกับฮิตเลอร์จำนวนมากแน่นอนว่าทาง Engadget ได้เข้าไปตรวจสอบดูและพบว่าเป็นเรื่องจริง
ในงานแข่งขัน UIST (User Interface Software and Technology) Student Innovation Contest ไมโครซอฟท์ได้นำต้นแบบคีย์บอร์ดที่มีชื่อเรียกว่า "Adaptive Keyboard" มาให้นักศึกษาที่ลงแข่งขันทำอะไรก็ได้เพื่อการแข่งขันดังกล่าว
Adaptive Keyboard มีตัวแป้นพิมพ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนอักขระและสัญลักษณ์ได้ อาทิ ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาที่จะแสดงผลบนแป้นพิมพ์ หรือผู้ใช้สามารถกดคีย์ลัดของ PowerPoint จากแป้นพิมพ์ได้โดยตรง เป็นต้น พร้อมทั้งจอภาพทัชสกรีนด้านบนแป้นพิมพ์ที่รองรับการทำงานได้หลายอย่าง อาทิ เป็นทางลัด (shortcut) เข้าถึงไฟล์ต่างๆ หรือสามารถเลือกดูสไลด์ PowerPoint ได้ เป็นต้น รายละเอียดที่เหลือลองดูได้จากวีดีโอที่ท้ายข่าว
เมื่อครั้งที่กูเกิลออก Android ใหม่ๆ นั้นคำถามสำคัญคือ Dalvik VM นั้นจะไปทับกับสิทธิบัตรของซันมากน้อยแค่ไหน เพราะซันเองก็ทำเงินจากสิทธิบัตรเหล่านี้ผ่านทาง J2ME อยู่ บทวิเคราะห์หลายบทความก็แสดงถึงความกังวลและทางรอดที่เป็นไปได้ของกูเกิล แต่แล้ววันนี้ออราเคิลที่ได้รับสิทธิบัตรต่อมาจากซันก็เดินหน้าฟ้องกูเกิลทั้งประเด็นสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์
สิทธิบัตรที่ถูกฟ้องนั้นมี 7 ฉบับดังนี้
ไมโครซอฟท์รีเสิร์ชเผยผลงานวิจัย "RearType: Text Entry Using Keys on the Back of a Device" ซึ่งเป็นการแบ่งคีย์บอร์ด QWERTY ออกเป็นสองส่วนแล้วไปวางไว้ด้านหลังของตัวเครื่อง โดยที่ตำแหน่งของนิ้วมือทั้งสี่จะสามารถกดได้ในขณะที่นิ้วโป้งที่เหลือก็สามารถกดปุ่มที่อยู่ด้านหน้าเครื่องได้เช่นกัน นอกจากนั้นยังมีปุ่มล็อกคีย์บอร์ดด้านหลังเพื่อป้องกันการไปกดโดนโดยไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย หน้าตาจะเป็นอย่างไรดูได้จากท้ายข่าว
ที่มา: ไมโครซอฟท์รีเสิร์ช (ไฟล์ PDF) ผ่าน ZDNet
ผู้อ่าน Blognone ที่เห็นปุ่ม TweetMeme ใต้ข่าวพร้อมตัวเลขแสดงจำนวนครั้งที่มีคนทวีตข้อความ น่าจะนึกภาพกันออก ประเด็นของข่าวนี้คือ Twitter หันมาลงสนามนี้ ทำปุ่มเองแล้ว
ปุ่มนี้มีชื่อว่า Tweet Button นอกจากจะใช้ทวีตข้อความได้จากหน้าเว็บโดยตรง และแสดงจำนวนครั้งแบบเดียวกับปุ่มของ TweetMeme มันยังมีฟีเจอร์ "โฆษณา" บัญชีของผู้ใช้ Twitter ได้ด้วย (เช่น ปุ่มที่วางไว้บนเว็บ Blognone เวลาทวีตเสร็จอาจขึ้นโฆษณาให้ follow @blognone และ @jusci) ดูวิดีโอสาธิตได้ด้านใน
ไหนๆ Twitter ลงมาทำเองแล้ว ก็ขอซาวเสียงผู้อ่านเลยว่า เราควรจะอยู่กับ TweetMeme ต่อไป หรือย้ายไปใช้ปุ่มของ Twitter ดีครับ?
เมื่อเดือนพฤษภาคม เราเห็นข่าว แอปเปิลอาจถูกสอบสวนจากกรณีห้ามนักพัฒนาใช้เครื่องมือพัฒนาอื่น ตามมาด้วย FTC เตรียมสอบสวนแอปเปิลกรณีผูกขาด ส่วนฝั่งยุโรปก็มีข่าวว่า EU เตรียมออกกฎป้องกันการผูกขาดใหม่ อาจสั่งแอปเปิลเปิดทาง Flash
ตอนนี้ทั้งสององค์กรจากสองทวีปคือ FTC และคณะกรรมการต่อต้านการผูกขาดของ EU "จับมือ" ร่วมกับสอบสวนแอปเปิลแล้วว่า มีพฤติกรรมกีดกันการแข่งขันหรือไม่ โดยระยะเวลาของการสอบสวนจะอยู่ระหว่าง 4-6 เดือน
Plastic Logic บริษัทผู้เชี่ยวชาญการผลิตจอภาพอิเล็กทรอนิกส์จากอังกฤษ ซึ่งเคยเปิดตัว QUE เครื่องอ่าน e-Book สุดบาง ไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว พบปัญหา "โรคเลื่อน" หลายครั้ง จนสุดท้ายประกาศเลิกทำ QUE เสียแล้ว
เหตุผลสำคัญของยกเลิกคือราคาและสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป เพราะ QUE เปิดตัวที่ราคา 649 ดอลลาร์ หลังจากนั้น iPad ก็เปิดตัว และเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์รุ่นอื่นๆ ต่างก็เปิดศึกถล่มราคากัน จนลงมาต่ำกว่า 200 ดอลลาร์หมดแล้ว
ซีอีโอของ Plastic Logic ให้สัมภาษณ์ว่าสภาพตลาดเปลี่ยนไปมาก และผลของความล่าช้า ทำให้การวางขายเครื่อง QUE กลายเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลไปแล้ว อย่างไรก็ตามทางบริษัทยังจะพัฒนาเครื่องอ่านรุ่นถัดไป
ต่อจากข่าว บอร์ด กทช. ยืนยัน Number Portability ต้องใช้ได้ 1 กันยายนนี้ ซึ่งมีข่าวว่าผู้ให้บริการขอเลื่อนเป็น 1 พฤศจิกายนแทน เพราะทำระบบไม่ทัน
แต่การประชุมบอร์ด กทช. ในสัปดาห์ถัดมา กทช. ยังยืนยันมติเดิมว่า Number Portability ต้องเปิดบริการได้ในวันที่ 1 กันยายน ถ้าทำไม่ทันผู้ให้บริการจะโดนปรับวันละ 20,000 บาท และถ้าเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ผู้ให้บริการต้องไปร้องต่อศาลปกครองกันเอง
นอกจากนี้ กทช. บางคนยังมีแนวคิดว่าจะ "ตัดสิทธิ์" การเข้าประมูลคลื่น 3G ด้วย หากผู้ให้บริการยังไม่สามารถเปิด Number Portability ได้ เพื่อให้เอกชนปฏิบัติตามกฎระเบียบของ กทช. อย่างเคร่งครัด แต่เรื่องนี้ต้องรอเข้าบอร์ด กทช. อีกครั้งหนึ่ง
ยังมี "คำถามที่ไม่ได้ตอบ" อีกมากในกรณี Mark Hurd ซีอีโอของ HP ที่เพิ่งลาออกไป (ผมว่า Business Insider "เดา" ได้เป็นเรื่องเป็นราวดี)
ไมโครซอฟท์ประกาศแล้วว่าจะปล่อย IE9 เบต้า ในวันที่ 15 ก.ย. นี้ นอกจากนั้นไมโครซอฟท์ยังเชิญนักพัฒนาเว็บ นักออกแบบเว็บ บล็อกเกอร์ และสื่อมวลชนบางรายไปร่วมงานที่มีชื่อว่า "Beauty of the Web" ซึ่งจะจัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโกอีกด้วย
ที่มา: The Windows Blog ผ่าน Ars Tecinica
อินเดียได้ขีดเส้นตายให้กับ Research In Motion (RIM) ผู้ผลิตโทรศัพท์ BlackBerry แล้ว โดยจะต้องมีทางออก ให้รัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลในบริการที่ถูกเข้ารหัสของ BlackBerry ได้ภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกปิดบริการได้
บริการที่รัฐบาลมองว่าเป็นปัญหาคือ บริการอีเมล BlackBerry Enterprise และบริการส่งข้อความ BlackBerry Messenger ซึ่งส่งข้อมูลเข้ารหัส ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองในประเทศแคนาดา หากสองบริการนี้ถูกปิดลง ผู้ใช้ BlackBerry ในอินเดียซึ่งมีอยู่ราวหนึ่งล้านคน จะสามารถใช้ได้เพียงโทรศัพท์ และเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยเบราว์เซอร์ตามปรกติเท่านั้น
Dell Thunder มาพร้อมกับหน้าจอแบบ OLED ขนาด 4.1 นิ้ว ความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 800x480 พิกเซล กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED ด้านหลัง สามารถจับภาพวิดีโอ 720p แบตเตอรี่ 1,400mAh และ Android 2.1
ที่มา: Engadget
ก่อนหน้านี้กูเกิลได้ปล่อย Google Voice Search มาให้เล่นกันใน Android สักระยะแล้วแต่มีมันยังใช้งานได้เฉพาะการค้นจากกูเกิลเท่านั้น สำหรับโปรแกรมรุ่นใหม่ก็เปลี่ยนชื่อเป็น Voice Action โดยแม้จะยังเป็นปุ่มค้นหาด้วยเสียงเหมือนเดิม แต่ความสามารถของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ความสามารถที่เพิ่มเข้ามาได้แก่ โทรออก, ส่ง SMS, เลือกเพลง, ตั้งเวลาปลุก, เปิดแผนที่นำทาง, บอกเส้นทางเดินทาง, ส่งอีเมล, ค้นหาจากแผนที่, เปิดเว็บ, และจดโน๊ตถึงตัวเอง
มีใน Android Market แล้ว แต่สำหรับ Android 2.2 ขึ้นไปเท่านั้น
วีดีโออยู่ท้ายข่าว
ที่มา - TechCrunch
เราเคยเห็นรถบังคับวิทยุที่มีกล้องในตัวไว้สอดแนมข้าศึกกันในหนังหลายเรื่อง ช่วงหลังๆ เองเกมหลายเกมก็มีแทคติกนี้ให้ใช้ แต่ Call of Duty รุ่นล่าสุดเจ๋งกว่านั้นที่มันใส่รถบังคับนี้มาในกล่องให้เลย ราคากล่องรุ่นสะสมนี้อยู่ที่ 149 ดอลลาร์หรือ 4800 บาท
ตัวรถมีระยะทำการ 200 ฟุตหรือ 60 เมตร ภาพเป็นภาพสีความละเอียด 220x176 พิกเซลพร้อมเสียง
กล่องนี้น่าจะคุ้มกว่ากล่อง StarCraft 2 เยอะ
ที่มา - ArsTechnica
การ์ตเนอร์รายงานตัวเลขส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์แบบ smartphone ทั่วโลก (รายงานฉบับอื่นๆ ที่มีข่าวก่อนหน้านี้มักสำรวจเฉพาะในสหรัฐฯ) พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอันดับคือ Android ได้แซง iOS ขึ้นมาอยู่ที่ 3 ตามหลัง Symbian และ Blackberry OS
ตัวเลขส่วนแบ่งรวมคือ Symbian 41.2%, Blackberry OS 18.2%, Android 17.2%, และ iOS 14.2%
ต้องไม่ลืมว่าตัวเลขนี้ยังไม่รวมยอดขายของ iPhone 4 จำนวนมากที่ขายในช่วงเดือนที่ผ่านมาทำให้รวมทั้งหลายประเทศที่ยังไม่มี iPhone 4 ขาย ขณะที่ Android นั้นมีรุ่นใหม่ๆ ออกมาเป็นระยะเปิดตัวในประเทศต่างๆ ไปทั่วโลก ส่วน RIM นั้นทางการ์ตเนอร์เชื่อว่า Blackberry 6 และ Torch น่าจะช่วยให้ Blackberry รั้งอันดับสองไว้ได้ในไตรมาสสาม
ข่าวนี้น่าจะสร้างความประหลาดใจไม่น้อยเมื่อ Seagate ซึ่งมีชื่อในฐานะผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ได้ประกาศโครงการความร่วมมือกับ Samsung ซึ่งเป็นผู้ผลิต Flash Memory รายใหญ่ เพื่อพัฒนาชุดส่วนควบคุม (Controller) สำหรับ Solid State Drive (SSD) ในระดับองค์กรซึ่งมีความต้องการด้านประสิทธิภาพการทำงาน และความทนทานสูงกว่าระดับผู้ใช้งานทั่วไป
Steve Luczo ซีอีโอของ Seagate กล่าวว่าการพัฒนาด้าน SSD จะช่วยให้เสริมความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์หน่วยความจำที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ขณะที่ ดร. Changhyun Kim รองประธานอาวุโสของ Samsung บอกว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่มความต้องการ NAND Flash ที่ใช้ใน SSD ระดับองค์กรมากขึ้น
ข่าวนี้น่าจะยืนยันได้อีกขั้นว่าถึงเวลาของ Solid State Drive แล้ว