Blognone เคยลงข่าวมือถือตระกูล Sidekick มาแล้วสองครั้ง (ข่าวเก่า 1, ข่าวเก่า 2) ประวัติของ Sidekick ต้องย้อนไปถึงปี 2002 เมื่อมันถูกสร้างโดยบริษัท Danger และขายกับเครือข่าย T-Mobile ในสหรัฐ ภายหลัง Danger ถูกไมโครซอฟท์ซื้อกิจการไปในปี 2008 แต่ Sidekick ก็ยังคงอยู่ ส่วนทีมของ Danger ถูกดึงไปพัฒนา Project Pink หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Kin
เรื่องมีอยู่ว่า เว็บไซต์ Boy Genius Report ได้เผยแพร่อีเมลของสตีฟ จ็อบส์ ที่โต้ตอบกับผู้ชายชื่อ Tom คนหนึ่ง ซึ่งเขียนไปโวยสตีฟ จ็อบส์ เรื่องปัญหาการรับสัญญาณของ iPhone 4
ในจดหมายตอบกลับที่อ้างว่าเป็นของสตีฟ จ็อบส์ นั้นพูดในเชิงว่า "เชื่อข่าวลือมากเกินไป" "อยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ" "ขอให้รอการแก้ปัญหา" ทั้งสองคนคุยกันหลายครั้ง ก่อนที่ Tom จะบอกว่า "ช่างมันเถอะ ก็แค่โทรศัพท์" แน่นอนว่าคนตอบคอมเมนต์ล้นหลาม
แต่ทางนิตยสาร Fortune ได้สอบถามไปยังโฆษกของแอปเปิล และได้รับการปฏิเสธว่าไม่ใช่อีเมลของสตีฟ จ็อบส์ เลยกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาทันที
ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไปผู้ใช้บริการดาต้าโรมมิ่งในยุโรปจะถูกเรียกเก็บเงินไม่เกิน 50 ยูโร ถ้าเกินจากนี้จะต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบและต้องได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งก่อน
สหภาพยุโรป (อียู) ออกกฎดังกล่าวเพื่อปกป้องผู้บริโภคที่ไม่ค่อยสันทัดในเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ผู้ใช้บริการชาวเยอรมันเคยถูกเรียกเก็บเงินสูงถึง 46,000 ยูโร (เกือบสองล้านบาท) หลังจากดูทีวีผ่านมือถือในฝรั่งเศส นอกจากนี้ อียู ยังหวังว่าการออกกฎนี้จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าบริการดาต้าโรมมิ่งในยุโรปถูกลง
Sanjay Kapoor ซีอีโอของ Bharti Airtel ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดของอินเดีย เชื่อว่าการลงทุนโครงข่าย 3G ราคาแพงจะทำให้ผู้ประกอบการต้องขึ้นราคาเพื่อความอยู่รอด และตลาดในระยะยาวจะเหลือผู้ให้บริการที่มีกำไรเพียง 3 ราย Kapoor ยังบอกอีกว่าการตั้งราคาในปัจจุบันไม่ได้เป็นไปตามกลไกเศรษฐกิจ (แข่งกันลดราคามากเกินไป) ตอนนี้ผู้ให้บริการทุกรายต้องเริ่มมุ่งทำกำไรจากเงินที่ลงทุนไป (จ่ายค่าคลื่น 3G ไปเกือบห้าแสนล้านบาท) กดดันผู้ให้บริการราคาประหยัด (เพื่อให้มีกำไรมากขึ้น) และผลักดันให้เกิดการควบรวมกิจการระหว่างผู้ให้บริการในตลาดทั้ง 14 ราย
David Pogue คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ The New York Times ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น "สาวกแอปเปิลตัวพ่อ" คนหนึ่ง ได้รีวิวมือถือคู่แข่งอย่าง Droid X
เขาบอกว่า Droid X เป็น "มือถือ Android ที่ดีที่สุดในตอนนี้" ซึ่งรางวัลนี้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เมื่อมีมือถือออกใหม่ เขาชมเรื่องการออกแบบภายนอก, จอภาพขนาดใหญ่จนสามารถพิมพ์เครื่องหมายสัญลักษณ์แบบไม่ต้องเปลี่ยนโหมดคีย์บอร์ด, ความเร็วในการทำงาน, แบตเตอรี่, ฟีเจอร์อย่าง Wi-Fi Hotspot และวิทยุ FM
Eric Schmidt ซีอีโอของกูเกิล บินไปพูดในงาน Guardian Activate Conference ที่อังกฤษ ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ The Guardian
คำถามส่วนมากเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ และอนาคตของข่าวออนไลน์ แต่ Schmidt ก็เผชิญกับคำถามว่า Google Me มีอยู่จริงหรือไม่
คำตอบของเขาคือ "ผมจะไม่ตอบเรื่องนี้ ขอให้รอดูแถลงข่าวละกัน" ซึ่งโดนแซวจากผู้ดำเนินรายการว่า นี่คือคำตอบว่า 'yes'
ประเด็นอื่นๆ ที่ Schmidt พูดถึง ได้แก่ Google Wave ยังถูกพัฒนาอยู่, Google Voice จะไปอังกฤษแน่ (และน่าจะเป็นประเทศอื่นๆ ด้วย), โมเดลการทำงานของกูเกิลแบบเปิด เทียบกับแอปเปิลที่เป็นแบบปิด
นอกจากปัญหาจอ Retina Display มีสีเหลือง ตอนนี้เริ่มมีผู้ใช้ iPhone 4 บางราย แจ้งปัญหาว่าภาพที่ถ่ายจากกล้องของ iPhone 4 มีสีออกโทนเหลืองด้วย
ตามข้อมูลบอกว่าปัญหานี้จะเกิดเฉพาะการถ่ายภาพภายใต้สภาพแสงน้อยๆ โดยไม่ขึ้นกับว่าจะเปิดแฟลชหรือไม่ และในบางครั้งภาพมีสีออกโทนเขียวด้วย ทางเว็บไซต์ MacRumors ได้ทดสอบกับ iPhone 3G และ 3GS ใต้สภาพแสงเดียวกัน ก็ไม่เจอปัญหานี้
อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่น่าจะเกิดจากฮาร์ดแวร์ และน่าจะแก้ไม่ยากด้วยการอัพเดต iOS
ที่มา - MacRumors
กูเกิลเริ่มออกช็อปปิ้งรอบใหม่อีกแล้วครับ ล่าสุดประกาศซื้อ ITA Software บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการขายตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ซึ่งมีข้อมูลด้านตารางการบินและผู้โดยสารจำนวนมหาศาล
ITA เป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลการบินจากสายการบินต่างๆ แล้วนำมาประมวลผล ก่อนขายข้อมูลนี้ให้เว็บรับจองตั๋วเครื่องบินอย่าง Kayak, Expedia, Cheapflights.com และ Bing (รวมถึงขายให้เว็บสายการบินเองด้วย) ดูแผนผังความสัมพันธ์ได้จากกูเกิล
การเข้าซื้อกิจการของกูเกิลทำให้เว็บข้างต้นกังวลว่าจะไม่ได้ใช้ข้อมูลจาก ITA อีก และรวมตัวกันลงขันซื้อ ITA แข่งกับกูเกิล แต่สุดท้ายไม่สำเร็จ กูเกิลได้ไปด้วยมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์
Bob Sutor รองประธานของยักษ์สีฟ้า IBM ประกาศผ่านบล็อกของเขาว่า IBM ได้ประกาศนโยบายให้ Firefox เป็นเบราว์เซอร์หลักของบริษัทแล้ว
เหตุผลที่เลือก Firefox มีหลายอย่าง เช่น โอเพนซอร์ส รองรับมาตรฐานเว็บ ปลอดภัย ฯลฯ โดยคอมพิวเตอร์ใหม่ทุกเครื่องของ IBM จะลง Firefox มาให้ และ IBM จะส่งเสริมให้พนักงานทุกคนใช้ Firefox รวมถึงพาร์ทเนอร์ของ IBM ด้วย
IBM มีพนักงานทั่วโลกประมาณ 4 แสนคนครับ ถ้ามีพนักงานของ IBM ประเทศไทยอ่านอยู่ ช่วยยืนยันหน่อยว่าได้รับนโยบายนี้แล้วหรือยัง
ที่มา - Bob Sutor
เว็บไซต์ขายสินค้า Play.com ในสหรัฐฯ เผยข้อมูลทางเทคนิคของเครื่อง Kinect ซึ่งระบุว่า Kinect จะสามารถติดตามร่างกายผู้เล่นได้ 6 คน แต่มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ active นอกจากนั้นยังมีข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ ดังนี้
รัฐบาลอินเดียประกาศให้เวลา 15 วันแก่ Research in Motion (RIM) ผู้ผลิต Blackberry และ Skype ผู้ให้บริการ VoIP เพื่อเปิดช่องให้รัฐบาลอินเดียสามารถดักฟังข้อมูลที่สื่อสารบนเครือข่ายของทั้งสองบริษัทได้ ส่วน Gmail นั้นมีการสั่งคำสั่งเดียวกันแต่ยังไม่มีกำหนดเวลา
รัฐบาลอินเดียเป็นหนึ่งในรัฐบาลที่วิตกต่อความมั่นคงทางอิเลกทรอนิกส์มากที่สุดในโลก โดยมีการสั่งห้ามนำเข้าเครื่องมือสื่อสารจากจีน
ยังไม่มีข่าวจากทั้ง RIM และ Skype ว่าจะทำตามข้อเรียกร้องนี้หรือไม่ แต่แม้จะยอมทำตามแต่เงื่อนไข 15 วันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี
ที่มา - PhysOrg
หลังจากต้องถูกแย่งตลาดไปอย่างต่อเนื่องมายาวนาน เดือนที่ผ่านมาก็เป็นครั้งแรกของปี 2010 ที่ Internet Explorer กลับมาชิงส่วนแบ่งคืนได้อีกครั้ง แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้ยอดส่วนแบ่งกลับมาเป็น 60.32% เกินเส้น 60% มาอีกครั้ง
เดือนที่ผ่านมามีผู้เสียส่วนแบ่งตลาดไปคือ Firefox และ Opera ส่วน Chrome นั้นขึ้นมาอย่างนิ่งๆ เฉลี่ยเดือนละ 0.3-0.4% มาตลอดครึ่งปี ด้าน Safari นั้นแม้จะแทบไม่เคลื่อนไหวแต่ก็สามารถทำสถิติสูงสุดได้
ผมว่าถ้า Chrome เกิน 10% เมื่อใหร่ทีม IE ได้งบเพิ่มขึ้นเพียบแน่ๆ
เราเห็นคนดังเปลี่ยนโทรศัพท์และเป็นข่าวกันเรื่อยมา แต่ครั้งนี้ Ricky Cadden หรือ The Guru แห่งเว็บ Symbian-Guru.com ก็ได้ประกาศว่าเขาไม่สามารถทนได้กับโทรศัพท์ของโนเกียอีกต่อไป และซื้อ Nexus One มาใช้งาน
Cadden บ่นถึง Symbian ที่เขาเขียนถึงในเว็บมาตลอดสามปี, ทดสอบโทรศัพท์แทบทุกรุ่น และใช้เองมากกว่าสิบเครื่องว่าเขาไม่สามารถสนับสนุนผู้ผลิตที่ผลิตโทรศัพท์รุ่นใหญ่ออกมาได้แย่เช่นโนเกียได้ เพราะซีพียูที่ไม่แรงพอจะประมวลผลมัลติทาสที่ Symbian รองรับ และหน่วยความจำที่จำกัดจนแทบลงซอฟต์แวร์อะไรไม่ได้
เมื่อ Barnes & Noble เริ่มต้นสงครามราคาไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ทุกอย่างก็ดูจะหยุดไม่ได้แล้วหลังจากที่อเมซอนตัดราคา Kindle 2 ลงมาสู้หลังการลดราคา NOOK ไม่กี่ชั่วโมง วันนี้อเมซอนก็ทำราคาอีกครั้งด้วยการลดราคา Kindle DX ลงมาอีก 110 ดอลลาร์ เหลือ 379 ดอลลาร์หรือประมาณ 12,000 บาท
นอกจากลดราคาแล้ว Kindle DX ยังอัพเกรดเล็กน้อยด้วยการใส่ e-Ink รุ่นปรับปรุงที่อ่านได้ง่ายขึ้นและคอนทราสสูงขึ้น 50% ภายนอกนั้นเปลี่ยนเป็นสีกราไฟต์แทนสีขาวเดิม
หวังว่าของจีนจะลดราคาลงเหลือ 79-99 ดอลลาร์ในเร็ววัน
ที่มา - ArsTecnica
กฏหมายประกันการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยความเร็ว 1Mbps ของฟินแลนด์ผ่านออกมาตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกของการบังคับใช้กฏหมาย
กฏหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนระดับชาติจากกระทรวงคมนาคมและการสื่อสารของฟินแลนด์ที่แถลงแผนการมาตั้งแต่ปี 2008 (แผนการ [PDF]) ผลจากกฏหมายนี้บังคับให้บริษัทสื่อสารในฟินแลนด์ต้องลากสายเชื่อมต่อไปยังบ้านเรือนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตตามที่กฏหมายกำหนด โดยมียอดทั้งหมด 4,000 หลังคาเรือน
ทุกวันนี้ประชาชนฟินแลนด์เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ตามกฏหมายนี้อยู่แล้วถึง 96% (ประชาชนบางส่วนเข้าถึงได้แต่เลือกจะไม่ติดตั้ง)
สามเดือนหลังการเสนอราคา ปาล์มก็เข้าไปอยู่ใต้ชายคาของเอชพีอย่างสมบูรณ์แบบแล้วในวันนี้ ผลการควบรวมนี้ทำให้ประธานของปาล์มคือ Jon Rubinstein เข้าไปอยู่ใต้ Todd Bradley รองประธานฝ่าย Personal Systems Group ของเอชพี
ปาล์มจะยังคงทำหน้าที่พัฒนา webOS ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ต่อไป โดยเราจะได้เห็น webOS ใน slate และเน็ตบุ๊กของเอชพีในอนาคต
เท่าที่ผมติดตามข่าว ผมเชื่อว่าปีหน้าเราน่าจะได้เห็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้ webOS กันแล้ว
Opera เบราว์เซอร์จากนอร์เวย์ ออกรุ่นใหม่ 10.60 แล้ว ของใหม่ได้แก่
ผมไม่ได้ใช้ Opera เลยไม่รู้จะคอมเมนต์อะไรต่อ ต้องรอผู้ใช้ Opera เข้ามาแสดงความเห็นละกัน ดูวิดีโอประกอบด้านในครับ
ถ้าย้อนไปในสมัยที่กูเกิลเริ่มขึ้นมาตีคู่กับยาฮูใหม่ๆ คงไม่มีใครจินตนาการออกว่าในอนาคตอีกเกือบสิบปีให้หลัง เราจะได้เห็นข่าวนี้
ยาฮูไม่ค่อยรุกตลาด mobile application มากนัก นอกจากโปรแกรมบน iPhone และ BlackBerry นิดหน่อย ที่เหลือยาฮูส่งเสริมให้ใช้ผ่าน mobile web ทั้งหมด
แต่ล่าสุดยาฮูก้าวเข้าสู่โลกของ Android แล้ว (ขอแพลตฟอร์มอื่นด้วยนะ) โดยส่งโปรแกรมเวอร์ชัน Android 3 ตัวเข้า Market โปรแกรมทั้งสามได้แก่ Yahoo! Mail, Messenger และ Search Widget ใช้ได้กับ Android 2.0 ขึ้นไป สำหรับ Yahoo! Messenger ยังมีฟีเจอร์คุยผ่าน SMS ซึ่งใช้กับประเทศไทยได้
ผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับหน้าจอแสดงผลรูปแบบใหม่ๆ คงวุ่นวายไม่น้อยกับพอร์ตเชื่อมต่อที่มีหลายชนิดเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น AV, VGA, DVI, DisplayPort, HDMI ฯลฯ แต่อนาคตปัญหาเหล่านี้อาจหมดไป (หรืออาจจะยุ่งกว่าเดิม?) โดยผู้ชนะคือสาย LAN หัว RJ45 ที่เราคุ้นเคยกันดี
ผู้ผลิตทีวีรายใหญ่ของโลก 3 รายคือ LG, Samsung, Sony บวกกับ Valens Semiconductor ได้รวมตัวกันสร้างมาตรฐาน HDBaseT ซึ่งจะใช้สายเคเบิล CAT5e/6 มาตรฐานมาต่อกับทีวีเพียงสายเดียว (ไม่รวมสายไฟนะครับ) โดยสายแลนนี้จะรองรับฟีเจอร์การส่งสัญญาณภาพแบบ HD และสามมิติ รวมถึงการส่งข้อมูลผ่าน Ethernet 100Mb ตามปกติด้วย
iPhone มาถึงรุ่นที่สี่แล้ว และ 77% ของคนที่ซื้อรุ่นใหม่ก็มี iPhone รุ่นก่อนๆ อยู่แล้ว ทาง Lifehacker จึงรวบรวม 7 ไอเดียในการนำ iPhone เก่ามาใช้ให้เกิดประโยชน์
ประเด็นเรื่องการเข้าถึง (accessibility) ของคนที่ขาดโอกาส เป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับไม่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไปมากนัก
ผู้ใช้แมคจำนวนไม่น้อยเรียกร้องให้แอปเปิลใส่ Blu-ray มาในเครื่องแมคอินทอช ซึ่งท่าทีของสตีฟ จ็อบส์ ได้ปฏิเสธเรื่องนี้มาตลอด (ดูข่าวเก่า สตีฟ จ็อบส์แนะนำ "ใช้ยูทูปแทนบลูเรย์บนแมค"!)
ล่าสุดมีคนส่งเมลไปถามจ็อบส์อีกรอบ ซึ่งเขาตอบคล้ายๆ เดิมว่า Blu-ray ซึ่งเป็นทายาทของซีดี จะถูกโค่นโดยการดาวน์โหลดผ่านเน็ต
แต่ผู้ส่งเมลคนนี้ตอบจ็อบส์กลับไปว่า การดาวน์โหลดผ่านเน็ตอาจชนะในระยะยาว แต่ในระยะกลาง Blu-ray ก็มีประโยชน์หลายอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น คุณภาพของภาพ หรือการนำมาใช้เป็นสื่อแบ็คอัพข้อมูล
เทคโนโลยีมือถือยุค 3.9G-4G เป็นการแข่งขันระหว่าง LTE ที่พัฒนาโดยบริษัทโทรคมนาคมดั้งเดิมทั้งหลาย และ WiMAX ที่มีอินเทลเป็นผู้หนุนหลังสำคัญ ระยะหลังมานี้ LTE เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในอีกทาง เราเริ่มเห็นข่าวค่ายที่เคยหนุน WiMAX เริ่มกลับข้างไปใช้ LTE แทน
แต่ข่าวนี้อาจทำให้คนที่ยังหนุนหลัง WiMAX เริ่มเครียดกว่าเดิม เพราะมีข่าววงในมาว่าอินเทลได้ยุบแผนก WiMAX Program Office แล้ว (ในข่าวไม่ได้ระบุชัด แต่ผมเข้าใจว่าแผนกนี้อยู่ในไต้หวัน) พนักงานในแผนกนี้จะถูกย้ายไปทำงานอื่นๆ ในแผนกอื่นๆ ของอินเทลแทน
อันนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักในสังคมที่ใช้เครื่องมือทางกฎหมายกันเป็นเรื่องปกติ อย่างกรณีของอเมริกา
ตัวแทนผู้ใช้ iPhone 4 จำนวนหนึ่ง นำโดย Kevin McCaffrey และ Linda Wrinn ได้ยื่นฟ้องต่อศาลประจำรัฐ Maryland ในสหรัฐ โดยมีจำเลยคือแอปเปิลกับ AT&T
ข้อหานั้นมีหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น ประมาท (negligence), สินค้าไม่ตรงกับที่โฆษณา (misrepresentation) โดยเน้นที่ประเด็นเรื่องสัญญาณของ iPhone 4 ใครสนใจรายละเอียด อ่านคำฟ้องฉบับเต็มได้จากลิงก์ที่มา
ที่มา - Gizmodo