เมื่อต้นปีมีข่าวว่า Garmin จับมือ Asus ออกโทรศัพท์ภายใต้แบรนด์ใหม่ ชื่อ Garmin-Asus ซึ่งได้เปิดตัวมือถือตัวแรกคือ G60 โดยใช้ระบบปฏิบัติการลินุกซ์เฉพาะตัวของ Garmin เอง
ส่วน Garmin-Asus รุ่นที่สองชื่อ Nuvifone M20 (จะให้ถูกต้องเรียกว่า Nüvifone) เปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile 6.1 เปิดตัวที่เมืองนอกช่วงกลางๆ ปี ตอนนี้เปิดตัวในเมืองไทยแล้วด้วยราคา 15,900 บาท สเปกก็เหมือนมือถือทั่วไปในท้องตลาด จอ 2.8" 480x640, กล้อง 3MP, หน่วยความจำ 4GB, GPS
ตำนาน Google Voice กับ App Store เรื่องราวเริ่มตั้งแต่แอปเปิลปฏิเสธโปรแกรม Google Voice ไม่ให้เข้า App Store, AT&T: เราไม่ได้แบน Google Voice เป็นหน้าที่ของแอปเปิลต่างหาก ตามมาด้วย FCC ส่งจดหมายเตือนแอปเปิลและ AT&T กรณี Google Voice ซึ่งทั้งสามบริษัทที่เกี่ยวข้องได้ส่งคำตอบให้ FCC และเผยแพร่ต่อสาธารณะ (Blognone เคยลงเฉพาะคำตอบของแอปเปิล) เรื่องก็ดูเงียบๆ ไป
แต่เอาเข้าจริงแล้วยังไม่จบครับ เพราะกูเกิลเพิ่งเผยแพร่คำตอบ "เวอร์ชันจริง" ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หลังจากที่ช่วงหลังแผ่วลงไปมาก ก็ถึงเวลาที่ยาฮูจะปรับแบรนด์ครั้งใหญ่ แคมเปญชุดใหม่มีชื่อว่า It's Y!ou (สังเกตเครื่องหมาย !) มูลค่ารวม 100 ล้านดอลลาร์ โดยจะเปิดตัวสัปดาห์หน้าที่งาน Advertising Week ในนิวยอร์ค
แนวคิดของแคมเปญนี้ก็ตามชื่อ คือผูกสัญลักษณ์ของยาฮู (Y!) เข้ากับคำว่า You ซึ่งสื่อถึง "ความเป็นตัวคุณ" (ผมว่าคล้ายๆ กับ TIME Person of the Year 2006 คือ You หรือคุณทุกคน) แคมเปญนี้จะใช้สื่อเกือบทุกแขนง ทั้งทีวี วิทยุ สื่อ ป้ายบิลบอร์ด และแน่นอนว่าอินเทอร์เน็ต แต่จะยังจำกัดวงเฉพาะในสหรัฐ อังกฤษ และอินเดียเท่านั้น ก่อนจะกระจายไปยังประเทศอื่นๆ ในปีหน้า ตอนนี้มีภาพตัวอย่างให้ดู 3 ภาพด้านในครับ
ผู้อ่านคงทราบดีว่าอินเทอรเน็ตเอกซ์พลอเรอร์นั้นไม่ค่อยจะสนับสนุนการแสดงผลตามมาตรฐานซักเท่าไร วันนี้ "กูเกิล" มีคำตอบให้กับปัญหานี้แล้ว
กูเกิลได้เปิดตัวปลั๊กอินที่จะใช้ตัวเรนเดอร์ HTML และ JavaScript เอนจิ้นของ Chrome บนอินเทอรเน็ตเอกซ์พลอเรอร์ ในชื่อ Google Chrome Frame ทางกูเกิลหวังว่าผู้ที่มีปัญหาด้านการแสดงผล โดยเฉพาะการที่ไม่สามารถอัพเกรดเบราว์เซอร์จากอินเทอรเน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 6 ได้จะสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่แสดงผลตามมาตรฐานได้เป็นอย่างดี (ในขณะนี้ปลั๊กอินดังกล่าวยังเป็นรุ่นทดสอบ สามารถดาวน์โหลดได้จาก Google Code)
อย่างที่ทราบกันดีว่า iPod nano รุ่นใหม่นั้นมีกล้องวีดีโอติดมาด้วย ล่าสุด Life Time Fitness หนึ่งในบริษัทฟิตเนสที่มีสาขามากกว่า 84 สาขาในสหรัฐฯ ได้ประกาศห้ามการใช้งาน iPod nano ในห้องล็อกเกอร์ แม้จะเพื่อฟังเพลงก็ตาม
โฆษกของทาง Life Time Fitness ได้ออกมากล่าวว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะรู้ได้ว่าผู้ใช้งาน iPod nano ใหม่กำลังเลือกหาเพลงในเครื่องหรือถ่ายวีดีโออยู่ ดังนั้นเพื่อการรักษาความเป็นส่วนตัว iPod nano จึงถูกสั่งห้ามใช้ในห้องล็อกเกอร์ในทุกกรณีอย่างไม่มีเงื่อนไขเช่นเดียวกับโทรศัพท์ที่มีกล้องอื่นๆ ที่ถูกแบนมาหลายปีแล้ว
อย่างไรก็ตามทางบริษัทอนุญาตให้ลูกค้าใช้ iPod nano ใหม่ระหว่างการออกกำลังกายได้ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายวีดีโอในทุกกรณี
หลังจากที่บริการ Google Sync ได้เริ่มเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งสนับสนุนแค่การ Sync รายชื่อกับปฎิทิน ถึงวันนี้กูเกิลประกาศว่าจะสามารถ Sync Gmail ผ่านบริการนี้ได้แล้วครับ
โดยผู้ใช้จะสามารถใช้บริการ Push Gmail ผ่านบัญชี Microsoft Exchange ซึ่งสามารถใช้ได้กับโทรศัพท์ Windows Mobile, iPhone และ iPod touch
สามารถดูวิธีใช้ได้อย่างละเอียดที่เว็บ Google Mobile
ที่มา - Google Mobile Blog
เนื่องในโอกาสที่ 802.11n ได้รับการรับรองให้เป็นมาตราฐาน Wi-Fi แล้ว ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หลายเจ้าก็ถือเป็นฤกษ์อันดีสำหรับผลักดันการใช้งาน 802.11n ในวงกว้าง และหนึ่งในผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เหล่านั้นก็คือไมโครซอฟท์
เว็บไซต์ Joystiq ได้รับการยืนยันจากไมโครซอฟท์แล้วว่า กำลังจะออกการ์ดเสริมสำหรับ 802.11n สำหรับ Xbox 360 โดยโฆษณาว่ามันจะช่วยให้ "seamlessly connect with their home network with the highest wireless 'N' technology"
ราคาและวันวางจำหน่ายยังไม่เปิดเผย
ที่มา - Joystiq
สงครามน้ำลายในสมรภูมิซอฟต์แวร์จัดการภาพถ่ายมืออาชีพกำลังจะเริ่ม ฝั่ง Adobe นำโดย John Nack ซึ่งเป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Adobe Photoshop อ้างตัวเลขจากการสำรวจของบริษัท InfoTrends สอบถามช่างภาพมืออาชีพว่าใช้โปรแกรมอะไรจัดการกับไฟล์ภาพแบบ RAW บ้าง
ตัวเลขของปี 2009 คือ
ถ้าเทียบกับปี 2007 และ 2008 แล้ว อัตราส่วนของคนใช้ปลั๊กอินใน Photoshop มีแนวโน้มลดลง ส่วน Lightroom เติบโตขึ้น และ Aperture ลดลง
ถ้าคัดเฉพาะคนใช้แมคเท่านั้น คนใช้ Lightroom มี 44.4% ส่วน Aperture มี 12.5% รอบนี้ Adobe โฆษณาว่า "4x" ครับ ผมไม่ได้ใช้ทั้งคู่ให้ความเห็นไม่ได้แหะ
"หนูทำได้" ทีมวิศวกรของ DFI คงอยากบอกประโยคนี้ หลังโชว์เทคโนโลยีที่ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง คือเมนบอร์ดที่สามารถใช้ระบบของแพลตฟอร์ม LGA 775 และ ION ได้ในบอร์ดเดียวกัน หลายท่านคงบอกว่าแค่นี้ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะในอดีตเราเคยเห็นเมนบอร์ดที่ใช้ซีพียูอินเทลและเอเอ็มดีด้วยกันได้มาก่อนแล้ว แต่ถ้าผมบอกว่ามันสามารถใช้ทั้งสองระบบได้พร้อมๆ กันล่ะ?
เมื่อวานนี้ (21 กันยายน) โซนี่อีริคสันได้เปิดตัวชุดหูฟังรุ่น MH907 ซึ่งใช้เทคโนโลยี Motion-controlled ตัวแรกของโลก โดยใช้คำโปรยก่อนหน้านี้ว่า
“the way you listen to music changes forever”
ฟังดูเจ๋งดี แต่หลายคนคงงงว่า Motion-controlled จะใช้กับชุดหูฟังได้อย่างไรกัน?
หลักการทำงานเป็นอย่างนี้ครับ โซนี่อีริคสันใช้เทคโนโลยี SensMe Control ในการควบคุมการทำงาน เพียงแค่คุณใส่หูฟังเข้าไป เจ้าเทคโนโลยีนี้จะเปิดเพลงหรือรับสายโทรศัพท์อัตโนมัติ โดยผู้ใช้ไม่ต้องกดปุ่มควบคุมใดๆ! ถ้าใส่หูฟังพร้อมกันสองข้าง ก็จะเป็นการฟังเพลง! ถอดออกจะเป็นการปิดเพลง! และถ้าใส่ข้างเดียวก็จะเป็นการรับสายนั่นเอง! ฟังดูเหนื่อยใช้ได้ทีเดียว
เมื่อเดือนพฤษภาคม คณะกรรมการยุโรป (European Commission) สั่งปรับเงินอินเทล 1.45 พันล้านดอลลาร์ ข้อหาผูกขาดตลาดซีพียูด้วยวิธีผิดกฎหมาย (ข่าวเก่า) ความคืบหน้าของคดีนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกเป็นปี
หลังจากมีข่าวปรับอินเทลออกมา คณะกรรมการยุโรปก็โดนวิจารณ์ว่าไม่สามารถแสดงหลักฐานว่าอินเทลทำผิดอะไรบ้าง ตอนนี้หลักฐานที่ว่าถูกเผยออกมาบางส่วนแล้วครับ
อันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่กูเกิลเพิ่งออกมาแก้ไขความเข้าใจผิด ชาว SEO ทุกท่านสมควรอ่าน
กูเกิลตอบคำถามเรื่องวิธีการจัดอันดับผลการค้นหาของตัวเอง โดยบอกว่ากูเกิลไม่สนใจแท็ก <meta name="keywords" /> มาหลายปีแล้ว การใส่แท็กนี้มาไม่มีผลต่ออันดับผลการค้นหาแต่อย่างใด เหตุผลที่กูเกิลเลิกสนใจแท็กนี้ก็เพราะข้อมูลถูกสแปมคีย์เวิร์ดได้ง่ายนั่นเอง วิดีโออธิบายดูได้ด้านใน
อย่างไรก็ตาม กูเกิลยังให้ความสำคัญกับแท็ก meta บางอันอยู่ เช่น description (รายการแท็ก meta ที่กูเกิลสนใจ) ส่วนผลิตภัณฑ์ Google Search Appliance ยังสามารถตั้งค่าให้อ่านแท็ก keywords ได้ แต่ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับ Google Web Search
ข้อมูลจาก Search Engine Land ในปี 2007 บอกว่ากูเกิลและ live.com ไม่สนใจแท็ก keywords แต่ยาฮูสนใจครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้เปลี่ยนหรือยัง
ได้เฮกันถ้วนหน้าสำหรับสาวกยักษ์เขียว เมื่อเอเอ็มดีออกมายืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ซีพียู 6 คอร์สำหรับผู้ใช้เดสก์ทอปจะวางจำหน่ายปีหน้า และข่าวดีสุดๆ คือสามารถใช้ได้กับเมนบอร์ด AM2+, AM3 อีกด้วย
มาดูข้อมูลคร่าวๆ ของซีพียูตัวนี้กันครับ :
BusinessWeek ได้อันดับ 100 Best Global Brands โดยคิดจากการเก็บข้อมูลในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึง 30 มิ.ย.
สำหรับบริษัทไอทีใน 20 อันดับแรกจาก 100 อันดับ ประกอบด้วย IBM เป็นอันดับสองด้วยมูลค่าแบรนด์ถึง 60,211 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งชนะ Microsoft ตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่วน Microsoft ตามมาอันดับสาม ด้วยมูลค่าแบรนด์ 56,647 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (มูลค่าลดลงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์) ส่วน Apple ก็สามารถเข้ามาใน 20 อันดับแรกได้สำเร็จ ด้วยมูลค่าแบรนด์ 15,443 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นมา 12% จากปีที่แล้ว
สำหรับบริษัทที่อยู่ใน 20 อันดับแรก ดูได้ข้างล่าง
ขณะที่เทคโนโลยี HSDPA ที่ให้แบนวิดท์การดาวน์โหลดที่ 7.2Mbps กำลังเป็นมาตรฐานไปทั่วโลก ผู้ให้บริการหลายรายก็เริ่มเตรียมความพร้อมที่จะให้บริการ HSPA+ ที่ให้แบนวิดท์ไปได้ถึง 28Mbps แต่ Huawei นั้นก็เตรียมเปิดทดสอบ HSPA+ ที่ให้ความเร็วได้ถึง 56Mbps แล้ว
แม้ตัวเลขจะน่าตื่นเต้น แต่เทคโนโลยีนี้ก็อาศัย HSPA+ แบบเดิมซึ่งทำให้เราคาดเดาได้ว่าระยะทางให้บริการที่ให้ความเร็วสูงระดับนี้จะให้บริการได้เพียงรัศมีแคบๆ เท่านั้น
Huawei ระบุว่าลูกค้าที่ซื้ออุปกรณ์เครือข่าย HSPA+ ในตระกูล 38xx สามารถใช้ความเร็วระดับนี้ได้โดยการอัพเกรดซอฟต์แวร์
ที่น่าสนใจอีกหน่อยคือ Huawei ระบุว่ามีลูกค้าติดตั้งอุปกรณ์ HSPA+ ไปแล้วกว่า 10 บริษัทในหลายประเทศเช่น ฮ่องกง, สิงค์โปร์, ตุรกี, และญี่ปุ่น
ตลาดฮาร์ดดิสก์ทุกวันนี้มาตรฐาน SATA นั้นแทบจะยึดตลาดแบบเบ็ดเสร็จไปแล้ว แต่ยังมีตลาดคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กมากๆ ที่ยังจำเป็นต้องใช้ PATA อยู่บ้าง หรือบางครั้งก็ใช้ฮาร์ดดิสก์ SATA แบบดัดแปลง ทำให้ไม่สามารถซื้อฮาร์ดดิสก์ไปเปลี่ยนได้ แต่มาตรฐาน mSATA ก็น่าจะเข้ามาแก้ปัญหานี้ได้
mSATA นั้นลดขนาดตัวถังของฮาร์ดดิสก์ลงเหลือ 54มม. x 4มม. x 39มม. ใกล้เคียงกับการ์ด mini-PCI ในปัจจุบัน และใช้คอนเนคเตอร์แบบย่อขนาด (แต่ละขาชิดกันมากขึ้น)
พร้อมๆ กับมาตรฐาน mSATA โตชิบายังเปิดตัว Half-Slim SSD ที่ใช้พื้นที่พอๆ กับ mSATA แต่เสียบแทนฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้วปรกติได้ เพราะใช้คอนเนคเตอร์แบบเดียวกันและน็อตวางตำแหน่งตรงกัน
เชื่อว่าผู้อ่านหลายๆ ท่านคงคุ้นเคยกันดีกับโฆษณาของแอปเปิลที่บอกว่าระบบ Mac OS X ของตนนั้นมีความปลอดภัยกว่าระบบของ Windows แต่ในข่าวนี้ คุณแฮกเกอร์ออกมาบอกเองเลยครับว่า มันไม่ได้ปลอดภัยไปกว่าของคู่แข่ง โดยเฉพาะ Windows 7 ที่กำลังจะวางจำหน่ายสักเท่าไหร่หรอก
หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวปัญหาเรื่องความปลอดภัยของ Flash (ซึ่งได้รับการแก้ไขแล้ว) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความปลอดภัยยังวิจารณ์จุดอ่อนอื่นๆ อีกเช่น firewall ถูกปิดเป็นค่าเริ่มต้น, ขาดระบบ Full automatic update และ ระบบการป้องกัน phishing ที่อ่อนแอของซาฟารี
ก่อนหน้านี้มีหลายๆ ข่าวได้กล่าวถึงมาตรฐานพอร์ตเชื่อมต่อ USB 3.0 มากันเยอะ ถึงวันนี้อุปกรณ์ USB 3.0 ตัวแรกที่ได้รับการรับรองโลโก้ SuperSpeed USB ก็เผยโฉมแล้วครับ โดยอุปกรณ์ตัวที่ว่าคือ ชิป xHCI host controller ของ NEC นั่นเอง โอกาสที่ผู้ใช้อย่างเราจะได้ใช้ของจริงก็งวดเข้ามาทุกทีแล้ว
หลังจากทางสายของเดสก์ท็อปได้เริ่มเข้าสู่ยุคของสถาปัตยกรรม Nehalem แล้ว ก็มาถึงทีของทางแล็ปท็อปกันบ้างครับ
ทีมงานของ PC Pro ทำการทดสอบประสิทธิภาพและอัตราการบริโภคพลังงานของเจ้าซีพียู Core i7-820QM ความเร็ว 1.73 GHz ซึ่งด้านประสิทธิภาพ ทีมงานบอกได้สั้นๆ ว่า "เร็วมากๆ"
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการใช้ Turbo Boost เป็นการลดการใช้งานเหลือ 1 คอร์ 2 เทรด (Hyper-threading นั่นเอง) แล้วโอเวอร์คล็อกตัวเองไปที่ความเร็ว 3.06 GHz ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดการใช้พลังงานไปได้พอสมควร
ผมเชื่อว่าผู้อ่าน Blognone หลายคนเคยใช้ GIMP และไม่ชอบอินเทอร์เฟซแบบหน้าต่างลอยหลายหน้าต่างเท่าไรนัก (ผมด้วยคนหนึ่งแต่ก็ต้องทนใช้ไปเพราะไม่มีเงินซื้อ Photoshop) หลังจากชุมชน GIMP ถกเถียงกันอย่างหนักมาหลายปี สุดท้าย GIMP 2.8 จะมีอินเทอร์เฟซแบบหน้าต่างเดียว (single windows mode) เสียที
อินเทอร์เฟซหน้าต่างเดียวของ GIMP สามารถถอดแยกแถบเครื่องมือและหน้าต่างตัวเลือก เพื่อกลับไปเป็นหลายหน้าต่างแบบเดิมได้ Peter Sikking หนึ่งในทีม GIMP อ้างตัวเลขการสำรวจว่าความเห็นในชุมชน GIMP เรื่องหน้าต่างเดียว vs หลายหน้าต่าง มีจำนวนเท่าๆ กันพอดี ดังนั้นทางออกคือทำอินเทอร์เฟซมันทั้งสองแบบให้ผู้ใช้เลือก
เลอโนโวได้ก้าวไปอีกขั้น ทำการเปิดตัว T400s ที่มาพร้อมกับออปชันทัชสกรีนและคุณสมบัติมัลติทัชให้เลือกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
eWeek ได้ทำการรีวิวรุ่นดังกล่าว พบว่าจอภาพมีความหนากว่ารุ่นปกติเล็กน้อย สามารถตอบสนองมัลติทัช รวมถึง finger gesture ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นข้อพับยังมีความแข็งขึ้นเพื่อรองรับการสัมผัสบนจอภาพ
สนนราคาอยู่ที่ 1,999 ดอลล่าร์สหรัฐ ราคาแพงกว่า T400s สเปกเดียวกันแต่ไม่มีทัชสกรีนอยู่ 400 ดอลล่าร์สหรัฐ นอกจากรุ่น T400s แล้ว เลอโนโวยังอัพเดตรุ่น X200 Tablet ให้รองรับมัลติทัชอีกด้วย
Mary Jo Foley ผู้เชี่ยวชาญด้านไมโครซอฟท์ของ ZDNet รวบรวมข่าวของฮาร์ดแวร์จากไมโครซอฟท์ที่ยังเป็น "ความลับ" 2 ชิ้น ดังนี้
Microsoft Tablet
ไมโครซอฟท์เคยพยายามปั้น Tablet PC อยู่ครั้งหนึ่งในช่วงที่ Windows XP ออกใหม่ๆ มี Windows XP Tablet PC Edition เป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ รอบนี้ไมโครซอฟท์กำลังพยายามกลับมาอีกครั้ง ข้อมูลเท่าที่มีคือ
Danny Sullivan แห่งเว็บไซต์ Search Engine Land มีโอกาสคุยกับ Eric Schmidt ซีอีโอของกูเกิล และถามคำถามว่า "คุณชอบผลิตภัณฑ์ตัวไหนของกูเกิลมากที่สุด?"
คำตอบของ Schmidt ไม่ใช่ว่า "ชอบทุกตัวเท่ากัน" แต่ตอบมายาวๆ ดังนี้ (ต้นฉบับดูได้จากที่มา)
ผลิตภัณฑ์ที่ผมชอบที่สุดคือ Chrome อันนี้ตอบโดยส่วนตัวนะ สาเหตุเพราะการออกแบบ Chrome มีความละเอียดอ่อนแทรกอยู่มาก ทีมพัฒนา Chrome ใส่ใจในรายละเอียดซึ่งช่วยให้ Chrome ทำงานเร็วกว่าคู่แข่งและใช้งานได้ง่าย เมื่อคุณเริ่มใช้ Chrome แล้วจะไม่อยากกลับไปใช้เบราว์เซอร์ตัวอื่นอีกเลย ความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อธิบายได้ยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ผมชอบ และแน่นอนว่ารายละเอียดเหล่านี้จะไปอยู่ใน Chrome OS ด้วย
หลังปล่อยให้แฟนๆ รอแล้วรออีกจนหลายคนเลิกรอไปแล้ว ข่าวของ Palm Pre รุ่น GSM ก็เริ่มมาสักที โดย O2 โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของยุโรป (ปัจจุบันเป็นบริษัทในเครือ Telefónica ของสเปน) ได้โฆษณา Palm Pre บนเว็บไซต์ของ O2 ในเยอรมนีแล้ว
O2 บอกเพียงว่าจะขายในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ซึ่งแปลเป็นไทยก็คือภายในสิ้นปีนั่นเอง ยังไม่มีวันที่ที่แน่นอนและราคาวางจำหน่าย แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับคนที่อาจจะรอ Palm Pre รุ่น GSM อยู่
ที่มา - หน้าเว็บ Palm Pre ของ O2, PreCentral
จากข่าวเก่า WebKit เริ่มรองรับ WebGL ตอนนี้เป็นคิวของ Firefox ที่รองรับ WebGL แล้วเช่นกัน
การสนับสนุน WebGL ของ Firefox เป็นโครงการต่อเนื่องที่ Mozilla ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2007 คือการทดลอง Canvas 3D (Canvas ที่วาดภาพสามมิติได้) ซึ่งในภายหลัง Mozilla ได้ร่วมมือกับ Khronos Group เพื่อผลักดันให้ WebGL กลายเป็นมาตรฐาน
ผู้ที่สนใจทดลองต้องดาวน์โหลด Firefox รุ่น trunk nightly build หลังวันที่ 18 กันยายนเป็นต้นมา และเปิดใช้ความสามารถนี้ผ่าน about:config วิธีการดูได้ตามลิงก์ที่มา