Automobile
ช่วงนี้เราเห็นข่าวความร่วมมือระหว่างบริษัทไอทีกับบริษัทรถยนต์ออกมาเรื่อยๆ รายล่าสุดคือ LG Electronics ประกาศจับมือ Volkswagen Group ของเยอรมนี ร่วมกันพัฒนารถยนต์ที่เชื่อมต่อเน็ตได้ (connected car)
จุดสำคัญของความร่วมมือนี้คือการทำงานร่วมกันระหว่างรถยนต์ต่อเน็ตของ Volkswagen กับบ้านอัจฉริยะของ LG เพื่อให้เจ้าของรถสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านได้ระหว่างขับขี่ ทั้งสองบริษัทเคยร่วมกันพัฒนารถยนต์ต้นแบบมาก่อนแล้วในปี 2015
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เสียแล้วสำหรับ Tesla Motors หลังมีรายงานระบบ Autopilot บน Model S ก่อให้เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิต เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดระบบ Autopilot บน Model X ก็ก่อให้เกิดอุบัติเหตุในเพนซิลเวเนียขึ้นมาอีกครั้ง
อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นกับนาย Albert Scaglione หลังจากเจ้าตัวเปิดโหมด Autopilot ก่อนที่ตัวรถจะชนเข้ากับที่กั้นริมทางด้านขวา แล้วหักซ้ายข้ามเลนไปชนเข้ากับแผงกั้นคอนกรีตกลางถนนและพลิกคว่ำ โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็ไม่มีรายงานว่าผู้โดยสารบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ได้รับอัพเดตเพิ่มฟีเจอร์ขับอัตโนมัติ หรือ Autopilot มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีคนใช้มากมาย ล่าสุดเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากการใช้ฟีเจอร์นี้เป็นครั้งแรก ส่งผลให้คนขับเสียชีวิตทันที
อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นบริเวณทางแยกบนทางหลวงในเมือง Williston รัฐฟลอริดา ผู้ขับรถ Tesla Model S คือนาย Joshua D. Brown อายุ 40 ปี ก่อนเขามาถึงทางแยก มีรถบรรทุกขนาดใหญ่กำลังเลี้ยวขวางถนนอยู่ รถยนต์ Tesla ของ Brown แยกแยะระหว่างด้านข้างของรถบรรทุกซึ่งเป็นสีขาว กับท้องฟ้าที่ค่อนข้างสว่างไม่ออก ทำให้ไม่ได้เบรก พุ่งชนและลอดใต้รถบรรทุกไป ชายล่างของตัวเทรลเลอร์ฉีกหลังคารถ Tesla ออกทั้งแผ่น รถของ Brown ไปจอดนิ่งห่างจากจุดเกิดอุบัติเหตุไปหลายร้อยฟุต เขาเสียชีวิตทันที
Baidu เดินหน้าเรื่องรถไร้คนขับมาซักพักแล้ว ตั้งแต่การทดสอบวิ่งในกรุงปักกิ่ง ไปจนถึงตั้งศูนย์วิจัยและนำรถไร้คนขับไปทดสอบในสหรัฐ ล่าสุดนิตยสาร Forbes รายงานว่า Baidu เตรียมจะผลิตรถยนต์ไร้คนขับ (Mass Production) ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้
Forbes ระบุว่า Baidu จะไม่ได้เป็นผู้ผลิตรถด้วยตัวเอง แต่อาศัยการจัดจ้าง (outsource) จากบริษัทผลิตรถยนต์ของจีน โดย Baidu ได้ติดต่อไปยังผู้ผลิตหลายเจ้าแล้ว แต่ยังไม่มีข้อตกลงกับบริษัทใดทั้งสิ้น
ทั้งนี้ รถที่ Baidu นำมาทดสอบระบบไร้คนขับคือ BMW 3-Series GT และเริ่มทดสอบครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
หากยังจำกันได้ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังจากเยอรมนี ถูกจับได้ว่าใส่ซอฟต์แวร์โกงอัตราการปล่อยมลพิษให้ต่ำลงเมื่อรถยนต์กำลังถูกทดสอบ แต่หากวิ่งใช้งานปกติจะปล่อยมลพิษออกมามากกว่าผลทดสอบถึง 40 เท่า เวลาผ่านมาหลายเดือน ล่าสุด Volkswagen ถูกตัดสินลงโทษแล้ว
ผู้ใช้รถ Volkswagen เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร รุ่น Beetle ปี 2013 - 2015, Golf ปี 2010 - 2015, Jetta ปี 2009 - 2015, Passat ปี 2012 - 2015 และ Audi A3 ปี 2010 - 2013 และ 2015 มีทางเลือกสองทาง คือ ขายรถคืนให้ Volkswagen หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อแก้ไขให้ถูกกฎหมายการปล่อยมลพิษ
ปัจจุบันโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Motors ตั้งอยู่ที่เมือง Fremont รัฐแคลิฟอร์เนีย มีพื้นที่ราว 4.9 ล้านตารางเมตร และขณะนี้ก็กำลังสร้างเพิ่มอีกโรง ในชื่อ Gigafactory ที่รัฐเนวาดา มีพื้นที่ใหญ่มหึมา เป็นรองแค่โรงงานผลิตเครื่องบินโบอิ้ง ที่รัฐวอชิงตันเท่านั้น โดยขณะนี้มีรายงานจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ทันหุ้นของประเทศไทยว่า Tesla Motors กำลังสนใจเข้าซื้อที่ดินในประเทศไทยเพื่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์เพิ่ม
Sergio Marchionne ซีอีโอของ Fiat Crysler Automobiles บริษัทแม่ของ Maserati ให้สัมภาษณ์ว่าบริษัทกำลังพิจารณาจะนำรถยนต์สปอร์ต Maserati Alfieri มาผลิตเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเริ่มกระบวนการผลิตในอีกอย่างน้อย 2 ปีข้างหน้า
นอกจากรถยนต์สปอร์ตไฟฟ้าแล้ว บริษัทก็กำลังพิจารณาจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (City Car) ภายใต้แบรนด์ Fiat เพื่อเจาะตลาดยุโรปด้วย โดยปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทมีจำหน่ายอยู่แค่ในแคลิฟอร์เนียและออริก้อนเพียง 2 แห่งเท่านั้น
ทั้งนี้ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซีอีโอของ Maserati เคยระบุไว้ว่าจะเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด สำหรับรถยนต์ทุกๆ รุ่นของบริษัทด้วย
ที่มา - Venturebeat
IBM ประกาศความร่วมมือกับ Local Motors บริษัทผลิตรถยนต์จากรัฐแอริโซนาเปิดตัว Olli รถบัสไร้คนขับขนาด 12 ที่นั่งที่ขับเคลื่อนด้วย Watson เวอร์ชันที่ถูกปรับแต่งสำหรับการทำงานบน Olli โดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม IBM ระบุว่า Watson ไม่ได้เป็นตัวควบคุมระบบรถโดยตรง แต่มีไว้เพื่อเพิ่มประสบการณ์บนรถของผู้โดยสาร โดยเฉพาะการพูดคุยและสั่งการกับตัวรถอย่างการขอคำแนะนำเรื่องร้านอาหารระหว่างการเดินทาง
IBM ระบุว่ารถบัส Olli ใช้ Watson APIs 4 ตัวคือ Speech to Text, Natural Language Classifier, Entity Extraction และ Text to Speech ขณะที่ตัวรถมีเซ็นเซอร์กว่า 30 แห่งรอบคัน สำหรับใช้ในการคำนวนและประมวนผลข้อมูลการขับขี่
Sean Cummings รองประธานอาวุโสของ Harley-Davidson ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ชื่อดังให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทมีแผนจะพัฒนามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้ได้ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า
Harley-Davidson เคยเปิดตัวมอเตอร์ไซค์พลังไฟฟ้ามาแล้วในปี 2014 ชื่อว่า LiveWire ที่มีจุดอ่อนสำคัญคือสามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดแค่ 60 ไมล์ (96 กม.) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ดังนั้นความท้าทายของ Harley-Davidson ในการผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นก็คือการแก้ปัญหาตรงนี้ เนื่องจากพื้นที่ที่เก็บแบตเตอรี่บนมอเตอร์ไซค์ ไม่ได้มีมากเท่ากับรถยนต์
ปัญหาเรื่องประกันภัยรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่สร้างความปวดเศียรให้กับบริษัทประกัน หากรถยนต์ไร้คนขับออกมาวิ่งบนถนนได้จริง แต่ล่าสุด Adrian Flux บริษัทประกันจากอังกฤษเข้าเกียร์เดินหน้าเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้แล้ว จากการออกประกันรถที่ครอบคลุมฟีเจอร์ไร้คนขับ ซึ่งหมายรวมถึงระบบเบรคอัตโนมัติที่มีอยู่ในรถยนต์หลายรุ่นในปัจจุบันด้วย
ประกันนี้จะครอบคลุมตั้งแต่ความผิดพลาดทุกอย่างที่อาจส่งผลต่อซอฟต์แวร์ไร้คนขับ, ความผิดพลาดที่เกิดจากการขาดการติดต่อกับระบบ GPS หรือดาวเทียม, กรณีถูกแฮกเกอร์เข้าควบคุมรถ หรือแม้แต่กรณีที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดพลาดของมนุษย์อย่างการลืมอัพเดตซอฟต์แวร์ และไม่สามารถเข้าควบคุมรถแทนในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ก็ตาม
ก่อนหน้านี้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Motors เคยมีตัวเลือกความจุแบตเตอรี่หลายขนาด แต่สุดท้ายก็ทยอยตัดรุ่นความจุต่ำๆ ออก และคงเหลือไว้เฉพาะแบตเตอรี่แบบ 90 กิโลวัตต์ชั่วโมง ล่าสุดบริษัทได้นำแบตเตอรี่ความจุ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมงกลับมาขายอีกครั้ง พร้อมปรับดีไซน์รถยนต์ใหม่ และขายราคาถูกกว่าเดิม
Tesla Model S 60 รุ่นใหม่นี้มีสเปกพื้นฐานคือขับเคลื่อนสองล้อหลัง วิ่งได้ไกล 210 ไมล์ หรือราว 338 กิโลเมตร ทำความเร็วตั้งแต่ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.5 วินาที มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 130 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุปกรณ์พื้นฐานของรถก็มีให้มาตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ที่รองรับฟีเจอร์ Autopilot และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยต่างๆ สนนราคาตัวเริ่มต้นอยู่ที่ 66,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2.3 ล้านบาท (รวมส่วนลดจากรัฐบาลแล้ว) โดยก่อนหน้านี้ขายอยู่ที่ 70,000 เหรียญสหรัฐ
พรรคการเมืองใหญ่ 4 พรรคของนอร์เวย์ ได้ข้อตกลงเห็นชอบร่างกฎหมาย ห้ามขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันภายในประเทศ นับตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามนโยบายนี้เป็นเพียงร่างกฎหมายที่สมาชิกสภานิติบัญญัติเห็นชอบร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการเท่านั้น และต้องรอผ่านกระบวนการเห็นชอบในสภาตามกระบวนการปกติก่อนจึงจะมีผลบังคับใช้
ถึงแม้นอร์เวย์จะเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตน้ำมันส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรป แต่ก็ถือว่าเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดและผลักดันเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยนอกจากนอร์เวย์แล้วอินเดียและเนเธอร์แลนด์ก็เป็นอีก 2 ประเทศที่กำลังพิจารณาเรื่องการบังคับใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิลแบบเดิม
Honda ตั้งศุนย์วิจัย AI แห่งใหม่ในโตเกียว โดยใช้ชื่อว่า Honda R&D Innovation Lab Tokyo หลังจากที่ก่อนหน้านี Honda ตั้งศูนย์วิจัยในไซตามะ และวาโกะเพื่อทำการวิจัยพัฒนาหุ่นยนต์ Asimo
Honda เชื่อว่าการตั้งศูนย์วิจัยในเมืองใหญ่อย่างโตเกียวจะช่วยให้ง่ายขึ้นในการร่วมงานกับบรรดามหาวิทยาลัย องค์กรต่างๆ รวมถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีด้วย
Honda ตั้งเป้าว่าจะเร่งพัฒนาหุ่นยนต์และรถไร้คนขับที่ซึ่งหวังให้ใช้งานตามทางด่วนได้ภายในปี 2020
ที่มา - Japan Times
Google ออกรายงานประจำเดือนพฤษภาคมเรื่องรถไร้คนขับระบุว่า ระบบ AI ของรถไร้คนขับนั้น เรียนรู้การบีบแตรในสถานการณ์ต่างๆ มากขึ้น โดยในช่วงทดสอบ ทีมวิศวกรให้รถบีบแตรเฉพาะภายในรถเท่านั้น เพื่อไม่ให้รบกวนและสร้างความเข้าใจผิดแก่รถคันอื่น จนกระทั่งเริ่มมั่นใจในระบบ AI มากขึ้นจึงปล่อยเสียงแตรออกสู่ภายนอกตามปกติ
ทีมวิศวกรได้ทดสอบให้ตัวรถพบเจอกับสถานการณ์ที่ควรจะบีบแตรสารพัด ทั้งกรณีที่มีรถวิ่งสวนเลน, รถคันหน้าถอยหลังมา หรือแม้แต่สอนให้แยกแยะสถานการณ์อย่างรถที่วิ่งสวนเลนมา และรถที่พยายามจะกลับรถแบบ Three-point turn ซึ่งความดังของแตรก็จะแตกต่างกันไปตามแต่สถานการณ์ โดยรถจะบีบแตรดังสุดในสถานการณ์ฉุกเฉิน
Volvo ออกมาประกาศว่าระบบไร้คนขับของตนเองจะล้ำหน้ากว่าของเจ้าอื่นๆ ตรงที่ไม่จำเป็นจะต้องมีคนคอยนั่งควบคุมหลังพวงมาลัย ซึ่งแตกต่างจากของบริษัทอื่น ที่ยังไม่มีใครกล้ายืนยันถึงความปลอดภัยและความน่าเชื่อของระบบไร้คนขับเช่นนี้
Erik Coelingh หัวหน้าอาวุโสฝ่ายเทคนิคด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยีสนับสนุนผู้ขับขี่ (Senior Technical Leader for Safety and Driver Support Technologies) ของ Volvo ให้สัมภาษณ์ว่า Volvo จะเผยโฉมระบบไร้คนขับก่อนในปี 2017 และภายในปี 2020 เทคโนโลยีไร้คนขับของบริษัทนั้น จะล้ำหน้ากว่าเจ้าอื่นๆ และสามารถใช้งานได้จริง คนขับสามารถทำอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคอยสนใจถนนและพวงมาลัยเลย
ค่อนข้างตรงกันข้ามกับท่าทีของฝั่งสหรัฐ ที่ยอมรับรถไร้คนขับของ Google ในฐานะผู้ขับขี่ในทางปฏิบัติ (ข่าวเก่า) หลัง National Police Agency (NPA) ของรัฐบาลญี่ปุ่นออกคู่มือ (guideline) ที่ว่าด้วยรถไร้คนขับฉบับแรก ห้ามรถไร้คนขับมาทดสอบวิ่งบนถนนโดยไม่มีคนนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
คู่มือระบุด้วยว่าควรที่จะมีการติดตั้งกล่องดำ (black boxes) ไว้บนรถ เพื่อบันทึกข้อมูล และสืบหาต้นสายปลายเหตุ กรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รถยนต์อาจมีระบบการยืนยันตัวและตรวจสอบผู้ขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันและมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย โชว์งานวิจัยระบบที่สามารถตรวจพิสูจน์ตัวตนของผู้ขับขี่ ได้จากพฤติกรรมการขับรถ
ระบบ Machine Learning จะรวบรวมพฤติกรรมการขับรถทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเหยียบคันเร่ง การเหยียบเบรก หรือแม้แต่การควบคุมพวงมาลัยผ่านระบบ Controller Area Network (CAN) ของรถ ก่อนจะนำไปวิเคราะห์และแยกแยะตัวตนของผู้ขับ โดยนักวิจัยระบุว่า จากที่เคยทดสอบมา อัลกอริทึมสามารถแยกแยะคนขับได้ถูกต้องถึง 100% โดยใช้เวลารวบรวมข้อมูลจากการขับรถเพียง 15 นาทีเท่านั้น (เฉพาะการเบรกก็สามารถแยกแยะคนขับได้ถูกต้องถึง 87% เข้าไปแล้ว)
ถึงแม้ Google จะมี Android Auto เป็นแพลตฟอร์มที่แสดงอินเตอร์เฟสของแอพบนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ในรถยนต์ แต่ทว่าการรองรับ Android Auto รถยนต์จะต้องมีระบบปฏิบัติการภายในอีกชั้นหนึ่ง ล่าสุด Google ได้โชว์เดโม่แอนดรอยด์ ในฐานะระบบปฏิบัติการบนรถยนต์ในงาน Google I/O
Google ได้เดโม่กับ Maserati Quattroporte โดยตัวรถใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 820 พร้อมหน้าจอความละเอียด 4K ขณะที่อินเทอร์เฟสของแอนดรอยด์บนรถไม่ต่างกับ Android Auto เท่าไหร่ ยกเว้นแต่เพียงขนาดหน้าจอบน Maserati ที่ใหญ่และรองรับการใช้งาน 2 แอพพร้อมกัน รวมถึงมี navigation bar ด้านล่างด้วย
Uber ได้เผยภาพแรกของรถยนต์ไร้คนขับของบริษัทอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นรถทดลองเทคโนโลยีของ Uber ที่เรียกว่า Advanced Technologies Center (ATC) ใน Pittsburgh
รถยนต์นี้คือ Ford Fusion รุ่นไฮบริด ซึ่งจะทำการเก็บข้อมูลแผนที่พร้อมกับการทดสอบความสามารถในการขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยตนเอง โดยเมื่อรถยนต์ตั้งโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ คนขับที่ถูกฝึกมาจะนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับเพื่อดูการทำงาน โดยรถยนต์ Uber ATC นี้จะมีเซนเซอร์รอบตัวอย่างเรดาร์, เลเซอร์สแกนเนอร์ และกล้องความละเอียดสูงเพื่อเก็บรายละเอียดสภาพแวดล้อม
Suzuki Motor ยอมรับว่าทางบริษัทได้ใช้ผลการทดสอบการประหยัดน้ำมันรถยนต์ที่ไม่ถูกต้องกับรถยนต์ 16 รุ่นที่ขายในญี่ปุ่น โดยกล่าวว่าการทดสอบที่ใช้แบบนี้ไม่ใช่การชี้นำลูกค้าไปในทางที่ผิด และผลที่ได้จากการทดสอบที่ไม่ถูกต้องนี้ไม่ได้แตกต่างกับการทดสอบแบบที่ถูกต้องมาก โดยทางบริษัทยังไม่มีแผนการเปลี่ยนผลการทดสอบที่เผยออกไปแล้ว
Osamu Suzuki ประธานบริษัทได้ยอมรับผิดกับลูกค้า โดยกล่าวว่าทางบริษัทได้ทำการทดสอบรถยนต์ใหม่แล้วและไม่พบความแตกต่างมากนักกับผลลัพธ์ที่ได้เผยแพร่ออกสู่สาธารณะไปแล้ว
ผลลัพธ์ที่ Suzuki ยอมรับว่าผิดพลาดนี้ คือการที่วิศวกรใช้วิธีทำงานอย่างไม่รอบคอบ โดยการใช้ระยะทางวิ่งจากการทดสอบเดิม ซึ่งผิดกฏข้อบังคับ แต่ไม่ได้มีค่าผิดพลาดที่มากนัก
เมื่อวานนี้ Oliver Morley ซีอีโอของ Driver Vehicle Licensing Agency (DVLA เทียบเท่ากรมการขนส่งทางบกในบ้านเรา) ประเทศอังกฤษ ออกมาทวิตตัวอย่างต้นแบบใบขับขี่แบบดิจิทัลที่ใช้กับ Apple Wallet ผ่านแอคเคาท์ส่วนตัว @omorley1
Morley ระบุว่าภาพที่เห็นเป็นเพียงต้นแบบเท่านั้น โดยยังไม่มีกำหนดการออกมาใช้จริง นอกจากนั้นแล้วจะไม่ได้เข้ามาแทนที่ใบขับขี่แบบปกติ แต่ถือเป็นส่วนเสริม และเป็นมาตรการเสริมความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งด้วย (ดูภาพได้ท้ายข่าว)
ทั้งนี้ การพัฒนาความสามารถดังกล่าวเป็นไปได้เพราะการแก้ไขข้อกฎหมายในปีที่แล้ว ที่อังกฤษจะไม่ออกใบขับขี่เป็นกระดาษให้กับผู้ขับขี่อีกต่อไป
ที่มา - 9to5Mac
หลังจากมีข่าวลือว่า MediaTek เตรียมประกาศควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการเมื่อเช้านี้ (ข่าวลือระบุว่าเป็นการเข้าซื้อแผนกมือถือของ Intel) ล่าสุด MediaTek ได้แถลงว่าเตรียมที่จะให้ AutoChips บริษัทลูกที่ผลิตชิปสำหรับใช้ในรถยนต์ เข้าควบรวมกิจการกับ NavInfo บริษัททำแผนที่รถยนต์รายใหญ่ในจีน จากการรายงานของเว็บไซต์ข่าว I4U
ตามแผนการนี้ NavInfo จะเข้าซื้อหุ้นใน AutoChips ทั้งหมดด้วยเงินกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในทางกลับกัน MediaTek จะลงทุนร่วมกับ NavInfo เพื่อพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในรถยนต์เป็นเงินไม่เกินกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางบริษัทคาดว่าจะดำเนินการควบรวมตามแผนงานนี้ได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
ที่การประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของ BMW ในปีนี้ Harald Krueger ซีอีโอของบริษัทออกมาระบุว่า เตรียมที่จะเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับในอนาคตที่พัฒนาต่อมาจาก BMW i8 ในปี 2021 โดยมีชื่อเรียกในตอนนี้ว่า BMW i Next
Krueger ระบุว่ารถดังกล่าวจะมีคุณสมบัติในการขับได้เอง เชื่อมต่อด้วยระบบดิจิทัล การออกแบบที่บางเบา การตกแต่งภายในแบบใหม่ และนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้งานอย่างเต็มที่
อนึ่ง ปกติแล้ว BMW มักใช้ชื่อ Next สำหรับโครงการที่เป็นอนาคตมากๆ ตัวอย่างเช่นรถยนต์ต้นแบบ Vision Next 100 ที่เคยจัดแสดงไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Bentley ผู้ผลิตรถยนต์หรูจากอังกฤษประกาศเปิดตัวแอพสำหรับควบคุมรถรุ่น Bentayga ที่ใช้งานกับ Apple Watch อย่างเป็นทางการ
คุณสมบัติของแอพดังกล่าวนี้จะทำให้เจ้าของรถยนต์ สามารถกำหนดได้ตั้งแต่แอร์และความเย็นในรถ ปรับเบาะที่นั่งและกำหนดการนวดของที่นั่งได้ กำหนดเพลงที่กำลังเล่น รวมถึงดูข้อมูลต่างๆ ของรถได้หมด โดยไม่ต้องขอให้คนขับรถทำให้แม้แต่น้อย บริษัทระบุว่าตัวแอพจะเชื่อมต่อด้วย Bluetooth ของรถยนต์ ทำให้สั่งทำงานได้ตามต้องการ
ไม่มีระบุว่าเปิดให้ดาวน์โหลดเมื่อใดและอย่างไร (น่าจะเป็นการให้ดาวน์โหลดจาก Apple Store ตามปกติ) ใครที่มีรถรุ่นนี้และ Apple Watch ลองติดต่อทาง Bentley เพื่อลองใช้งานได้ครับ
Barrie Kirk ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในรถยนต์กล่าวกับสื่อของแคนาดาว่าในอนาคตเมื่อมีรถยนต์ไร้คนขับแพร่หลายเมื่อไร อัตราการมีเพศสัมพันธ์บนรถยนต์ก็จะสูงขึ้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อสมองกลต้องการการตัดสินใจอย่างฉับพลันจากคนขับที่ไม่ได้จดจ่อกับเส้นทางก็อาจจะเกิดปัญหาได้ ในกรณีนี้ทางการแคนาดาจึงกำลังพิจารณาให้มีกล่องดำช่วยบันทึกเหตุการณ์หากมีอุบัติเหตุ
ข่าวไม่ได้บอกว่าเหตุใดผู้เชี่ยวชาญถึงออกมาให้ความเห็นว่าต้องเป็นเรื่องเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่ในอดีตที่ผ่านมามีการออกแบบรถยนต์ให้เอื้อต่อการทำกิจกรรมแบบนั้นอยู่บ้างในบางตลาดเช่นออสเตรเลีย
ที่มา - The Register