Automobile
Google ประกาศความร่วมมือกับ Fiat Crhysler บริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาเลียนอเมริกัน เพื่อพัฒนารถมินิแวนไร้คนขับ ซึ่งนับเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายที่ 2 ถัดจาก Ford ที่จับมือกับ Google
ความร่วมมือครั้งนี้ Google ยังคงมีอิสระในการพัฒนาและทดสอบรถไร้คนขับ ขณะเดียวกับก็ยังคงสามารถจับมือกับผู้ผลิตเจ้าอื่นเพิ่มเติมได้ ส่วนทาง Fiat จะได้ know-how และการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่นี้แลกเปลี่ยน แต่สิทธิของเทคโนโลยียังคงอยู่ที่ Google เจ้าเดียว
ความร่วมมือนี้นับเป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ของ Sergio Marchionne ซีอีโอ Fiat Crysler ที่มองว่าบริษัทควรที่จะร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ไอทีที่กระโดดเข้ามาในวงการรถยนต์อย่าง Google และ Apple มากกว่าที่จะแข่งขันกัน เนื่องจากที่ผ่านมาอุตสาหกรรมรถยนต์สูญเสียทรัพยากรไปมาก ในการพัฒนารถไร้คนขับ ขณะเดียวกับ Fiat เองก็ไม่มีทรัพยากรเพียงพอจะไปแข่งกับ Google, Apple หรือแม้แต่ผู้ผลิตรถเจ้าอื่นอย่าง GM และ Toyota
ที่มา - Bloomberg
กระบวนการขับเคลื่อนให้รถยนต์ไร้คนขับ ให้กลายเป็นที่ยอมรับทั้งในเชิงกฎหมายและสังคมในสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Google ได้จับมือกับ Ford, Volvo, Uber และ Lyft จัดตั้งกลุ่ม Self-Driving Coalition for Safer Streets ในการทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อผลักดันร่างกฎหมาย รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนและภาคส่วนอื่นๆ เกี่ยวกับรถไร้คนขับให้มากยิ่งขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Mitsubishi ได้ยอมรับว่าทางบริษัทได้โกงผลการทดสอบการประหยัดน้ำมัน ซึ่งกระทบกับรถยนต์กว่า 625,000 คัน แต่ตอนนี้ทาง Mitsubishi ได้แถลงเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ทำการทดสอบแบบไม่เหมาะสมลักษณะนี้มาแล้ว 25 ปี ซึ่งยังไม่มีตัวเลขที่แน่ชัดว่ามีรถยนต์กี่คันที่ได้รับผลกระทบ
การทดสอบการประหยัดน้ำมันของ Mitsubishi ที่เป็นปัญหานี้ เป็นการทดสอบแบบเดิมที่ไม่ได้มาตรฐานญี่ปุ่นตั้งแต่ที่มาตรฐานใหม่ถูกกำหนดขึ้นในปี 1991 และเมื่อปี 2001 ทางบริษัทก็พบว่าการทดสอบนี้ให้ข้อมูลที่แตกต่างกับการทดสอบมาตรฐานถึง 2.3% แต่ตอนนั้นทางบริษัทก็ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการทดสอบ
Volkswagen และบริษัทในเครือเพิ่งมีกรณีอื้อฉาวโกงค่ามลพิษรถยนต์ไปเมื่อปีก่อน จนทำให้หุ้นบริษัทร่วงกราวพร้อมทั้งผู้บริหารจะโดนเด้งไปตามๆ กัน
ตอนนี้ The New York Times เผยว่า Volkswagen เคยจัดการประชุมภายในกันเมื่อปี 2006 โดยอธิบายวิธีการโกงการทดสอบมลพิษของเครื่องยนต์ดีเซล มาเป็นไฟล์ PowerPoint ซึ่งถูกเปิดเผยจากการสอบสวน
ทางการจีนกำลังร่างแผนโร้ดแมพที่จะใช้เป็นแม่บทกำกับงานพัฒนาทั้งเทคโนโลยี, กฎหมาย และระบบพื้นฐานให้รองรับการใช้งานรถยนต์แบบไร้คนขับได้จริงภายในปี 2025 โดยงานนี้ได้รับการผลักดันจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน
Li Keqiang ศาสตราจารย์วิศวกรรมยานยนต์แห่ง Tsinghua University ซึ่งเป็นประธานร่างแผนดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ว่าแผนโร้ดแมพนี้จะประกาศอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ โดยในระยะสั้นจะพัฒนารถยนต์ไร้คนขับให้ใช้งานบนทางด่วนได้สำเร็จภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ส่วนรถยนต์ไร้คนขับสำหรับเขตชุมชนนั้นจะเป็นไปตามกรอบเวลาที่ระบุไว้ข้างต้นคือในปี 2025 ซึ่งเมื่อการร่างแผนนี้แล้วเสร็จ จะมีการเปิดฟังความเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐอื่นๆ เพื่อขอความเห็นชอบในการประกาศใช้แผนนี้ต่อไป
Ford พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ช่วยจำกัดความเร็วของรถ ซึ่งไม่เพียงจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้การเดินทาง แต่ยังช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องเจอใบสั่งเพราะขับรถเร็วเกินกำหนดด้วย เพราะฟีเจอร์นี้จะคอยสังเกตป้ายจำกัดความเร็วข้างทางที่รถแล่นผ่านและจะควบคุมความเร็วของตัวเองไม่ให้เกินค่าที่กำหนดไว้
ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดระบบจำกัดความเร็วอัตโนมัตินี้ด้วยการกดปุ่มตรงพวงมาลัย หลังจากนั้นผู้ใช้สามารถตั้งค่าเพื่อจำกัดความเร็วในการขับขี่ของตนเองได้ตามต้องการ แต่เมื่อกล้องถ่ายภาพที่อยู่บริเวณกระจกมองหลังในห้องโดยสารตรวจพบป้ายจราจรสัญลักษณ์เขตจำกัดความเร็ว ระบบของ Ford จะลดความเร็วของรถลงให้อยู่ในระดับต่ำเกณฑ์บังคับ ซึ่งในส่วนนี้จะใช้ข้อมูลแผนที่เข้าช่วย เนื่องจากถนนในแต่ละท้องที่อาจจำกัดความเร็วแตกต่างกันไป
Hyundai Motor ผู้ผลิตรถยนต์จากเกาหลีใต้ ประกาศความร่วมมือกับ Cisco บริษัทด้านเครือข่าย ในการพัฒนาเทคโนโลยีในรถยนต์ร่วมกันอย่างเป็นทางการในวันนี้ หลังจากที่เคยเปิดเผยแผนการสร้างรถยนต์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อได้ (hyper-connected intelligent car) ไปเมื่อต้นเดือน
ตามข้อตกลงนี้ ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันพัฒนาเครือข่ายภายในรถยนต์ (ไม่แน่ใจว่าจะมีหน้าตาอย่างไร), การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยของรถยนต์ร่วมกัน โดย Chung Eui-sun ผู้บริหารของ Hyundai ระบุว่าความร่วมมือนี้จะทำให้ Hyundai Motor สามารถเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ในอนาคตที่จะเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์และเทคโนโลยีอื่นๆ ได้
สำนักงานตำรวจญี่ปุ่น (National Police Agency - NPA) ออกร่างแนวทางการทดสอบรถอัตโนมัติเพื่อรับฟังความคิดเห็น ใจความสำคัญคือการทดสอบรถอัตโนมัติบนถนนจริงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตล่วงหน้า
ประกาศฉบับนี้มีข้อบังคับจริงๆ ไม่มากนักและส่วนมากเป็นข้อแนะนำที่ไม่ต้องทำตามก็ได้เป็นส่วนใหญ่ ข้อบังคับเช่น รถต้องมีเสียงเตือนเมื่อกำลังเปลี่ยนจากการควบคุมด้วยมนุษย์เป็นระบบอัตโนมัติ และรถทดสอบต้องมีผู้โดยสารนั่งไปด้วยอีกหนึ่งคนนอกจากตัวคนขับเอง
ข้อแนะนำ เช่น ให้มีการทดสอบในสนามปิดก่อน และค่อยๆ ทดสอบจากพื้นที่ที่รถไม่หนาแน่น, รถต้องมีการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์, คนขับควรเซ็นยินยอมรับผิดหากเกิดอุบัติเหตุ ข้อแนะนำเหล่านี้หากไม่ได้ทำตามทางตำรวจแนะนำให้ปรึกษาตำรวจล่วงหน้า
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐฯ (NHTSA) ได้ประกาศจะออกคำแนะนำว่าด้วยการใช้งานรถยนต์ไร้คนขับอย่างปลอดภัย (Guidance on the safe deployment and opperation of autonomous vehicles) ภายในกลางปีนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับต่อไปในอนาคต ซึ่งกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ก็ออกมาเตือน NHTSA ว่ายังเร็วเกินไป
กลุ่ม Association of Global Automakers ชี้แนะต่อ NHTSA ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ว่า การกำหนดเดดไลน์เพื่อออกคำแนะนำภายในช่วงกลางปีนี้ยังเร็วไป และอาจทำให้การวิเคราะห์นโยบายเกี่ยวกับรถไร้คนขับต่างๆ ไม่มีความถี่ถ้วนและสมบูรณ์พอ
BMW เปิดตัวบริการแชร์รถยนต์ใหม่ ReachNow ด้วยรถ BMW ซีรีส์ 3, i3s และ Mini Cooper จำนวน 370 คันในเมืองซีแอทเทิล และจะขยายสู่เมืองต่างๆ 10 เมืองในสหรัฐฯ โดยมีจุดเด่นที่การคิดราคาตามเวลาที่ใช้เป็นนาที และใช้ขับแบบเที่ยวเดียวได้หากจอดไว้ในเขตที่กำหนด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ BMW เปิดตัวบริการแชร์รถยนต์ บริษัทได้มีการทดลองคล้ายๆ กันนี้ในยุโรป และซานฟานซิสโกก่อนหน้านี้ และถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของผู้ผลิตรถยนต์ในการตอบโจทย์การเดินทางของคนเมืองโดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของรถ
หลังจากเปิดตัวเมื่อต้นปี NVIDIA Drive PX2 ระบบนำทางด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์สำหรับรถยนต์ไร้คนขับเมื่อต้นปี เมื่อวานนี้ (5 เมษายน 2559) NVIDIA ประกาศว่ารถแข่งไร้คนขับรายการแรกของโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้า Formula E ePrix จะใช้หน่วยประมวลผล Drive PX2 ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี โดยรถทุกคันจะเหมือนกันทั้งหมดเพื่อวัดการแข่งขันกันด้วยซอฟต์แวร์ นอกจากพลังประมวลผลแล้ว Drive PX2 ยังมีความสามารถ Machine Learning ช่วยให้สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นได้เรื่อยๆด้วย
บริษัท nuTonomy จากสหรัฐอเมริกา เตรียมเปิดธุรกิจรถแท็กซี่แบบไร้คนขับในประเทศสิงคโปร์ภายในปีนี้ โดยตั้งเป้าจะจัดรถให้บริการหลายพันคัน
บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับของ nuTonomy นี้จะเป็นบริการรถยนต์ "อัตโนมัติระดับ 4" ตามมาตรฐานของกระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายถึงผู้ที่อยู่ในรถเป็นเพียงผู้โดยสารที่ไม่ต้องทำการอื่นใดเพื่อควบคุมรถยนต์ โดยสิ่งที่ต้องทำมีเพียงแค่ป้อนข้อมูลเป้าหมายการเดินทางเท่านั้น ซึ่งตอนนี้รถยนต์ของ nuTonomy ได้ผ่านการทดสอบขั้นต้นตามเกณฑ์ของทางการสิงคโปร์แล้ว ขั้นต่อไปคือขออนุมัติทำการทดสอบบนท้องถนนจริงในเขต One North ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะให้บริการแท็กซี่จริงในอนาคต
Comma.ai บริษัทของคุณ George Hotz แฮกเกอร์ชื่อดังผู้เคยโชว์ผลงานรถไร้คนขับทำเอง ได้รับทุน 3.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากบริษัท Andressen Horowitz นักลงทุนรายใหญ่ใน Silicon Valley
คุณ Hotz บอกกว่าจะใช้เงินทุนนี้เพิ่มวิศวกร เพื่อเปิดตัวบริษัทภายในสิ้นปีนี้ และหวังจะขายชุดขับรถ “กึ่งอัตโนมัติ” ในราคาไม่เกิน 1,000 เหรียญ นอกจากนี้ยังกล่าวถึง Tesla ที่พึ่งจะ ขาย Model 3 ได้กว่า 250,000 คัน ว่าเป็นเป้าหมายของบริษัท โดยกล่าวว่า “พวกเขาเป็นผู้นำในตลาด เพราะพวกเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ปล่อยผลิตภัณฑ์ออกมา ผมไม่คิดว่ามันดีที่สุด แต่พวกเขาปล่อยออกมา”
สายการบิน Qantas (อ่านว่า ควาน-ทาซ) ของออสเตรเลียกับ Tesla Motors Australia ร่วมกันโปรโมตบริษัททั้งสองไปพร้อมกัน ด้วยการจัดการแข่งขันระหว่างเครื่องบิน Boeing 737-800 และรถยนต์ Tesla Model S P90D ณ สนามบิน Avalon ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เป็นการแข่งทางตรง ระยะทางร่วม 3 กิโลเมตร
ฝั่งเครื่องบิน Boeing 737 มีน้ำหนักตัวราว 70,000 กิโลกรัม, แรงขับ 52,000 ปอนด์, ความเร็วสูงสุด 850 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วน Tesla Model S P90D มีน้ำหนักราว 2,196 กิโลกรัม, แรงบิด 966 นิวตันเมตร, กำลัง 532 แรงม้า, ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยฝั่งเครื่องบิน 737 ขับโดยกัปตัน Steve Gist และ Kevin Tonge และฝั่ง Model S ขับโดยนักแข่งรถ Tony d’Alberto
Tesla Motors เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ Model 3 ได้เพียงไม่กี่วัน ยอดขายก็ถล่มทลาย
Elon Musk ออกมาโพสต์ข้อมูลผ่านทวิตเตอร์ว่าขายได้ 180,000 คันใน 24 ชั่วโมงแรก ถ้าคูณด้วยราคาเฉลี่ยคันละ 42,000 ดอลลาร์ (รวมอุปกรณ์เสริมต่างๆ แล้ว) เท่ากับว่า Tesla ทำยอดขายได้ 7.5 พันล้านดอลลาร์ภายในวันเดียว
ส่วนตัวเลขล่าสุดที่ Musk ออกมาทวีตคือ 253,000 คัน หรือยอดขายเกิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว เขายังทวีตบอกว่ายอดขายเยอะขนาดนี้ ส่งผลให้ต้องวางแผนการผลิตกันใหม่เลยทีเดียว (ก่อนหน้านี้ Tesla บอกว่าจะส่งมอบรถได้ช่วงปลายปี 2017 แต่ผลงานจากรถรุ่นก่อนๆ พบว่าล่าช้ากว่ากำหนดทุกรุ่น)
เมื่อวานนี้ Tesla Motors ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเล็ก Tesla Model 3 เป็นที่เรียบร้อย ที่ดีไซน์สตูดิโอของ Tesla ณ เมือง Hawthorne รัฐแคลิฟอร์เนีย รายละเอียดหลักๆ เกี่ยวกับตัวรถอ่านได้จากข่าวเก่า แต่ในงานยังได้เปิดเผยข้อมูลอื่นๆ อีกบางส่วน ผมจึงรวบรวมมาอีกทีนะครับ
Tesla จัดงานเปิดตัว Model 3 โดยบนเวทีคุณ Musk เริ่มต้นพูดถึงปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และมลภาวะ ก่อนกล่าวถึงแผนการของบริษัท ตั้งแต่การเปิดตัว Roadster ว่าเป็นการแสดงศักยภาพของรถยนต์ไฟฟ้า สู่ Model S ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่คนทั่วไปสัมผัสได้ มาถึง Model X โดยนำเงินจากการขายรุ่นก่อนหน้ามาพัฒนารุ่นถัดมาในราคาที่ย่อมเยาลง และในวันนี้ Model 3 เป็นรุ่นที่บริษัทหวังจะช่วยเปลี่ยนผ่านระบบขนส่งสู่ความยั่งยืนในอนาคต
หากยังจำกันได้ วันนี้เป็นวันเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ซึ่งเป็นรุ่นเล็กสุดของ Tesla ขณะนี้เหลือเวลาอีกราว 1 ชั่วโมงก่อนจะเริ่มงาน โดย Elon Musk ซีอีโอของบริษัทได้ทวีตเปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับประเทศที่จะวางจำหน่ายรถยนต์เพิ่มเติม
เขาบอกว่า Tesla Model 3 จะวางจำหน่ายเพิ่มใน 7 ประเทศ คือ อินเดีย, บราซิล, แอฟริกาใต้, เกาหลีใต้, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์ และไอร์แลนด์ หลังจากทวีตออกไป ก็มีผู้ใช้ทวีตถามกลับไปว่าจะมีสถานี Supercharger ที่นิวซีแลนด์ไหม (สถานีชาร์จไฟฟรีตลอดชีพ) ซึ่ง Musk ก็ตอบว่าจะมีทั่วประเทศ นอกจากนี้ก็มีผู้ใช้อีกคนถามว่าแล้วจะมีรุ่น Model X มาด้วยหรือไม่ Musk ก็ตอบว่าจะมีมาทั้ง Model S และ X เลย
ถึงแม้ว่างานเปิดตัวยังไม่เริ่ม และแทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเปิดเผยออกมาเลยก็ตาม ก็มีผู้คนแห่ไปต่อคิวจองรถรุ่นใหม่นี้ที่โชว์รูม Tesla หลายแห่งแล้วเมื่อหลายชั่วโมงก่อน โดยบัญชีทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของ Tesla Motors ได้โพสต์คลิปวิดีโอสั้นๆ โชว์บรรยากาศการต่อคิวด้วยครับ
งานเปิดตัวจะเริ่มเวลา 20:30 น. ตามเวลาของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ 10:30 น. วันนี้ตามเวลาประเทศไทย สามารถดูถ่ายทอดสดได้ที่ Tesla.com
ที่มา - @elonmusk
สัญญาณไฟจราจรถือเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กันมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 โดยสัญญาณไฟจราจรถือเป็นอุปกรณ์ช่วยการจราจรตรงทางแยก แต่ในอนาคตที่รถยนต์กำลังจะไร้คนขับอย่างเต็มตัวแล้ว เทคโนโลยีที่ใช้มานับร้อยปีอาจต้องเปลี่ยนใหม่
นักวิจัยกลุ่มหนึ่งจาก MIT ได้เสนอสัญญาณไฟจราจรยุคใหม่ ใช้วิธีการจัดตาราง (จากรายงานใช้คำว่า Slot-based Intersections หรือ SI) โดยใช้ทฤษฎีแถวคอย (queuing theory) เนื่องจากเมื่อรถกลายเป็นรถยนต์ไร้คนขับแล้ว การจะเปลี่ยนไปใช้ระบบจัดตารางการจราจรตรงทางแยกจึงเป็นไปได้ เพราะว่ารถยนต์แต่ละคันสามารถคุยกับคอมพิวเตอร์ หรือคุยกันระหว่างรถยนต์ได้ ฉะนั้นการจัดตารางก็จะให้รถยนต์คุยกับคอมพิวเตอร์
ผู้ผลิตรถยนต์ 20 รายร่วมลงนามกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรอิสระของสหรัฐอเมริกา กำหนดว่าในปี 2022 รถยนต์ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาจะต้องมีระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเป็นหนึ่งในระบบมาตรฐานด้านความปลอดภัยของรถยนต์
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ หรือ AEB (Automatic Emergency Braking) ที่ว่านี้เป็นการเรียกโดยรวมของระบบที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการมีอยู่ของวัตถุ ซึ่งอาจเป็นเรดาร์, ลิดาร์ หรือเซ็นเซอร์ประเภทอื่น โดยเมื่อตรวจพบวัตถุด้านหน้ารถก็ให้ทำการแจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้เบรกได้ทันก่อนเกิดการชน และหากผู้ขับขี่ไม่สามารถเบรกรถได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด รถจะต้องทำการเบรกด้วยตนเองก่อนการชนเพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ
Andrew Ng ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาว่าทางไป่ตู้กำลังจะนำรถอัตโนมัติไปทดสอบในสหรัฐฯ เร็วๆ นี้ หลังจากปีที่แล้วรถอัตโนมัติของบริษัททดสอบในปักกิ่งสำเร็จเป็นอย่างดี
นอกจากการทดสอบรถในสหรัฐฯ แล้วไป่ตู้มีแผนจะให้บริการรถอัตโนมัติเชิงการค้าในจีนภายในปี 2018 โดยเป็นรถรับส่งที่วิ่งให้บริการในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น และพื้นที่ให้บริการจะค่อยๆ ขยายไปภายหลัง
สองเดือนก่อน GM ร่วมลงทุนในบริษัท Lyft เพื่อวิจัยเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับ ลงเงินไปราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าสุดท้ายแล้ว Lyft จะใช้รถยนต์ไร้คนขับจาก GM แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น ขณะนี้มีผลจากความร่วมมือออกมาบ้างแล้ว เป็นบริการที่ให้คนขับของ Lyft เช่ารถจาก GM มาให้บริการได้
บริการนี้ชื่อ Express Drive เปิดโอกาสให้ผู้สนใจมาขับรถให้ Lyft แต่ไม่มีรถที่เหมาะสมสามารถเช่ารถขับได้ โดย John Zimmer ผู้ร่วมก่อตั้ง Lyft บอกว่ามีผู้สมัครมาขับให้ Lyft ถึง 150,000 คน แต่ไม่มีรถ หรือมีรถแต่ไม่ผ่านเกณฑ์ของบริษัท ซึ่งหลังจากนี้ GM จะให้รถยนต์ SUV ยี่ห้อ Chevrolet รุ่น Equinox แก่ Lyft เป็นจำนวน 500 คันมาเข้าร่วมโครงการนี้ เริ่มต้นในสามเมืองได้แก่บอสตัน, วอชิงตัน ดีซี และบัลติมอร์ และจะขยายไปเมืองอื่นในอนาคต
จากข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า Ford เตรียมแยกบริษัทลูก ทำเรื่องรถยนต์ไร้คนขับโดยเฉพาะ
และแล้ว Ford ก็ตั้งบริษัทลูกชื่อ Ford Smart Mobility อย่างเป็นทางการ
ภารกิจของ Ford Smart Mobility คือพัฒนาบริการขนส่ง (mobility) แบบใหม่ๆ เพราะ Ford วางวิสัยทัศน์ว่าตัวเองจะต้องมีบทบาททั้งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ (auto) และบริษัทที่ทำเรื่องการขนส่ง (mobility) ดังนั้น Ford Smart Mobility จึงมารับบทบาทในส่วนหลัง งานที่ทำมีทั้งเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูล, การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า, ระบบเชื่อมต่อรถยนต์ Ford Sync, บริการรถเช่า GoDrive และพัฒนาต้นแบบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
บริษัทรถยนต์จากสหรัฐอเมริกา General Motors หรือที่รู้จักกันในชื่อ GM ประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัท Cruise Automation ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ตอัพจากเมืองซานฟรานซิสโก ผลิตชุดคิทและเซ็นเซอร์ต่างๆ สำหรับติดตั้งบนรถยนต์ธรรมดาเพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นรถยนต์ไร้คนขับ
เมื่อเร็วๆ นี้ GM เพิ่งจัดตั้งทีมพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเป็นการภายใน ซึ่งการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยให้ GM คืบหน้าในเรื่องนี้ได้เร็วขึ้น และ Cruise จะยังคงมีอิสระในการทำงาน โดย Dan Ammann ประธานบริษัท GM เปิดเผยว่าจะนำเทคโนโลยีของ Cruise เข้ามาใช้กับรถยนต์ของ GM ให้เร็วที่สุด
เมื่อได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่ายี่ห้อไหนต่างก็โฆษณาว่าไม่มีการปล่อยมลภาวะแม้แต่นิดเดียว (zero-emission vehicle) และรถยนต์ก็ไม่มีท่อไอเสียอีกด้วย แต่ผู้ใช้รถยนต์ Tesla Model S ในสิงคโปร์กลับโดนเรียกเก็บค่าปรับข้อหาปล่อยมลภาวะเยอะเกินไป
หน่วยงานที่เรียกเก็บค่าปรับคือกรมการขนส่งทางบกของสิงคโปร์ (Land Transport Authority หรือ LTA) โดยจะเก็บค่าปรับผู้ใช้รถที่ปล่อยมลภาวะสูงเกิน โดยจากการคำนวณของ LTA รถยนต์ Tesla Model S ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 222 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งจัดว่าสูงมาก ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ BMW 530d เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ราว 144 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น