กูเกิลอธิบายเบื้องหลังของ Stadia บริการเกมสตรีมมิ่งผ่านคลาวด์ว่า เกมที่ประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์ ใช้ฮาร์ดแวร์รุ่นพิเศษจาก AMD และรันระบบปฏิบัติการลินุกซ์
ข้อมูลที่กูเกิลเผยในงานคือ ฮาร์ดแวร์หนึ่งตัวใช้ซีพียู x86 รุ่นปรับแต่งพิเศษ (Custom x86 Processor) ไม่ระบุยี่ห้อ สัญญาณนาฬิกา 2.7GHz, Hyperthreaded และรองรับชุดคำสั่ง AVX 2, แรม 16GB
ส่วนจีพียูเป็น AMD Radeon รุ่นที่ใช้ในศูนย์ข้อมูล ปรับแต่งพิเศษให้กูเกิลโดยเฉพาะ ตัวจีพียูใช้แรมแบบ HBM2 ECC, หน่วยประมวลผล 56 compute unit และมีสมรรถนะรวม 10.7 TFLOPS ซึ่งเทียบกับจีพียูของ Xbox One X (ที่ทำโดย AMD เหมือนกัน) แล้วมีสมรรถนะเพียง 6 TFLOPS, ส่วน PS4 Pro คือ 4.2 TFLOPS
Crytek สตูดิโอเจ้าของเอนจินเกม CryEngine โชว์วิดีโอเดโมการเรนเดอร์ ray tracing แบบเรียลไทม์โดยไม่ขึ้นกับค่ายของจีพียู ใช้ได้กับทั้ง NVIDIA และ AMD
ในเดโมของ Crytek รันบน AMD Radeon Vega 56 โดยใช้ฟีเจอร์ Total Illumination ของ CryEngine และมีแผนจะถูกผนวกเข้ามาอยู่บน CryEngine เวอร์ชัน 5.5 ที่จะออกภายในปี 2019
โมเดลธุรกิจของ Crytek คือการขายสิทธิใช้งานเอนจิน CryEngine โดยคิดส่วนแบ่งรายได้ที่ 5% จึงเป็นเหตุว่าทำไม Crytek ถึงออกมาขายฟีเจอร์นี้ของ CryEngine ให้นักพัฒนาเกมพิจารณา
ในงาน MWC 2019 ทาง Lenovo ยังเปิดตัวแล็บท็อปและพีซี All-in-One อีกชุดในซีรีส์ IdeaPad โดยรอบนี้ไม่เพียงมีแต่ตัวเลือก Intel+NVIDIA แต่ยังมีซีพียูและการ์ดจอจาก AMD ที่ราคาถูกลงมาเล็กน้อยเข้ามาด้วย
รุ่นแรก IdeaPad S540 แล็บท็อปบางเบาบอดี้อะลูมิเนียมตัวท็อป ขนาด 14 และ 15 นิ้ว ซีพียูฝั่ง Intel มีสูงสุด Core i7 8th Gen + GeForce MX250 หรือ AMD สูงสุด Ryzen 7 3700U + RX Vega 10 หน้าจอ IPS FHD ลำโพงระบบ Dolby Audio แบตเตอรี่ Lenovo เคลมว่าใช้งานได้ 12 ชั่วโมง พร้อม TrueBlock ตัวเลื่อนปิดกล้องเว็บแคม มี 3 สีคือ Abyss Blue, Copper และ Mineral Grey ราคารุ่น Intel เริ่มที่ 899 ยูโร ส่วน AMD เริ่ม 799 ยูโร
Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊กราคาถูก 2 รุ่นที่ใช้ซีพียูจาก AMD ทั้งคู่ แต่แยกเป็นรุ่น Windows และ Chrome OS
โน้ตบุ๊กทั้งสองตัวเน้นจับกลุ่ม Firstline Worker หรือ "พนักงานหน้างาน" เช่น ในร้านค้า โรงพยาบาล หรือโรงงาน โดยเน้นความเบาและความทนทาน คีย์บอร์ดมีไฟ backlight และป้องกันน้ำหกใส่ (spill proof) มีจอสัมผัสสำหรับแตะจอได้สะดวกแม้ทำงานอื่นอยู่ และยังคงจุดเด่นเรื่องราคาที่องค์กรสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่าย
การเปิดตัว Radeon VII ในงาน CES 2019 เมื่อต้นเดือนมกราคม ถือเป็นเซอร์ไพร์สของวงการจีพียูไม่น้อย เพราะ AMD เลือกใช้วิธีนำสถาปัตยกรรม Vega ตัวเดิมมาลดขนาดการผลิตลงเหลือ 7 นาโนเมตร แล้วเข็นออกมาสู้กับ GeForce RTX Series ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อปลายปี 2018
แน่นอนว่าจีพียูของ AMD ยังไม่มีฟีเจอร์ ray tracing แบบที่ GeForce RTX ยกมาเป็นจุดขาย แต่เมื่อพิจารณาว่าเกมใหม่ๆ ก็ยังไม่รองรับ ray tracing กันมากนัก ความแตกต่างในชีวิตจริงยังคงมีไม่มาก และ AMD ก็โฆษณาว่าผลการรันกราฟิกยุคปัจจุบันก็ต่อกรได้กับ GeForce RTX ด้วย
สัปดาห์นี้ ผลทดสอบ Radeon VII ของสำนักต่างๆ ออกมาแล้ว ก็ขอมาสรุปกันดังนี้
AMD รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ประจำปี 2018 รายได้รวม 1,419 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 38 ล้านดอลลาร์
สำหรับรายได้แยกตามส่วนธุรกิจ กลุ่ม Computing and Graphics รายได้เพิ่มขึ้น 9% เป็น 986 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กลุ่ม Enterprise รายได้ 433 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับปีก่อน นอกจากนี้ AMD บอกว่า EPYC มีจำนวนที่ส่งมอบเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากไตรมาสที่ 3/2018 ทำให้รายได้ GPU สำหรับศูนย์ข้อมูลทำสถิติสูงสุดใหม่
ชิปเซ็ตบนเมนบอร์ดสมัยนี้ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ อย่าง พอร์ต USB, เน็ตเวิร์ก ผ่านบัสแบบต่างๆ ไปทำงานร่วมกับซีพียู ซึ่งชิปในสถาปัตยกรรม Zen รุ่นที่ 3 ของ AMD จะออกมาคู่กับชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง X570 ที่จะออกกลางปีนี้ โดยมากับการรองรับบัส PCI-Express 4.0 ทั้งที่เป็นขาที่มาจากซีพียูและจากชิปเซ็ตไปยังอุปกรณ์อื่น
แต่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง คือ AMD จะกลับไปดีไซน์และผลิตชิปเซ็ต X570 นี้ด้วยตัวเอง แทนการใช้ผู้ผลิตอย่าง ASMedia ที่ป้อนชิปเซ็ต X370 และ X470 ก่อนหน้า แต่กับชิปเซ็ตตัวรองยังรับผลิตอยู่ ซึ่งกว่าจะออกมาก็ปลายปี 2019
นั่นหมายความได้ว่าตอนช่วงที่ซีพียู AMD Ryzen เจนเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวกลางปี 2019 นี้ จะมีแค่ชิปเซ็ต X570 ออกมา ไม่มีชิปเซ็ตตัวรองไปจนถึงปลายปี ส่วนใครถือเมนบอร์ดรุ่นเก่าและไม่ซีเรียสเรื่องการไม่รองรับ PCI-E 4.0 ก็มีแนวโน้มอัพเดตไบออสขึ้นมารองรับซีพียูใหม่ได้
เกมคอนโซลยุคปัจจุบันทั้ง PS4 และ Xbox One ต่างใช้ชิปของ AMD (สถาปัตยกรรม Jaguar) และ AMD เองก็พูดชัดว่ากำลังร่วมมือกับทั้งสองค่ายในการพัฒนาชิปสำหรับคอนโซลยุคหน้า
ล่าสุดเริ่มมีข้อมูลหลุดของชิปตัวนี้ออกมาว่า มันชื่อ AMD Gonzalo และมีเพียงรหัสรุ่นที่พอถอดข้อมูลออกมาได้ว่า ชิปตัวนี้มีความถี่เริ่มต้นที่ 1.6GHz (ซึ่งอาจเป็นความถี่ของชิปรุ่นทดสอบ), ซีพียู 8 คอร์ และแคช L3 ขนาด 8MB
ส่วนสถาปัตยกรรมก็ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นแกน Zen+ หรือ Zen 2 และจีพียูก็น่าจะเป็น Radeon Navi ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
AMD ยื่นฟ้อง MediaTek ข้อหาละเมิดสิทธิบัตรจีพียูในชิป SoC รุ่น Helio P10 ที่ออกในปี 2015
AMD ค้นพบเรื่องนี้ในปี 2017 ว่าสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน-สมาร์ททีวีจาก LG, Vizio, Sigma Designs ละเมิดสิทธิบัตรจีพียูของตนเองหลายตัว และพบว่าต้นเหตุมาจากการใช้ชิป MediaTek Helio P10
AMD เคยยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศ (ITC) ของสหรัฐในปี 2017 โดย ITC ตัดสินให้ AMD ชนะคดีด้วย อย่างไรก็ตาม หลายบริษัท (เช่น LG) ยอมความกับ AMD ไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียง MediaTek ที่เจรจากันไม่สำเร็จ ทำให้ AMD ยื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐ
ตามข่าวยังบอกว่า ซัมซุงและ GlobalFoundries ก็ใช้สิทธิบัตรจีพียูเหล่านี้ แต่จ่ายค่าไลเซนส์ให้ AMD อย่างถูกต้อง
Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ให้สัมภาษณ์สื่อ และวิจารณ์ Radeon VII จีพียูตัวใหม่จากคู่แข่ง ว่าประสิทธิภาพ "อ่อนด้อย" (เขาใช้คำว่า lousy) และจะถูก GeForce RTX 2080 บดขยี้ในการแข่งเบนช์มาร์ค
ฝั่งของ Lisa Su ซีอีโอ AMD ก็ตอบกลับเพียงว่า Huang คงยังไม่ได้เห็นผลิตภัณฑ์ของจริง และเธอจะไม่ตอบโต้ใดๆ เพราะไม่ใช่แนวทางของเธอ
Su พูดถึงประเด็นว่าจีพียู Radeon VII ยังไม่มีเทคโนโลยี Ray Tracing ที่เป็นจุดขายของฝั่ง NVIDIA ว่าเกมจำนวนมากยังไม่ซัพพอร์ตเทคโนโลยีนี้ และตอนนี้คอนซูเมอร์ที่ซื้อการ์ดไปก็ยังไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก
เก็บตกข่าว AMD ที่เหลือจากงาน CES 2019 นอกจาก Ryzen Mobile Gen 2, Ryzen Desktop Gen 3, Radeon VII ยังมีซีพียูเซิร์ฟเวอร์ EPYC รุ่นที่สองรหัส "Rome"
AMD เคยโชว์ EPYC "Rome" มารอบหนึ่งแล้วเมื่อปลายปีก่อน มันเป็นการอัพเกรดใหญ่ของ EPYC รุ่นแรก มาใช้สถาปัตยกรรม Zen 2 และกระบวนการผลิตขนาด 7 นาโนเมตร เช่นเดียวกับ Ryzen Gen 3 ที่จะออกช่วงกลางปีนี้ โดยบริษัทระบุว่ามีประสิทธิภาพต่อซ็อคเก็ตดีขึ้น 2 เท่า, ประสิทธิภาพการประมวลผลทศนิยมดีขึ้น 4 เท่า และยังใช้ซ็อคเก็ตแบบเดียวกับรุ่นก่อน
AMD ใช้เวที CES 2019 โชว์ซีพียูตัวใหม่ Ryzen รุ่นที่สามสำหรับเดสก์ท็อป โดยมีแผนการออกช่วงกลางปี 2019 นี้
การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Ryzen รุ่นที่สามคือเปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรม Zen 2 ตัวใหม่ (Ryzen 1 เป็น Zen 1, Ryzen 2 เป็น Zen+) และเปลี่ยนมาใช้กระบวนการผลิตระดับ 7 นาโนเมตร ช่วยให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้นอีก
AMD นำ Ryzen Gen 3 รุ่นก่อนผลิตจริงมารันเบนช์มาร์ค Maxon Cinebench R15 เทียบกับ Intel Core i9-9900K และโชว์ว่าในประสิทธิภาพระดับเดียวกัน Ryzen 3 ใช้พลังงานน้อยกว่าประมาณ 30%
นอกจากนี้ Ryzen Gen 3 ยังจะเป็นซีพียูตัวแรกที่รองรับ PCIe 4.0 ด้วย (ซีพียูในท้องตลาดตอนนี้รองรับ PCIe 3.0)
AMD ค่ายผู้ผลิตซีพียูและจีพียูที่มีชื่อเล่นในวงการว่า “ค่ายแดง” เปิดตัวจีพียูรุ่นใหม่ในชื่อ Radeon VII ในงาน CES 2019 ที่มีข้อมูลน่าสนใจหลายมุม ขออนุญาตไล่เรียงดังนี้:
เทคโนโลยีด้านการแสดงผลที่ปรับอัตราการรีเฟรชภาพแบบไดนามิก (dynamic refresh rate หรือ variable refresh rate) ตามเนื้อหาการแสดงผล แบ่งออกเป็น 2 ค่ายคือ NVIDIA G-Sync และ AMD FreeSync
G-Sync ออกสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2013 แต่กลับเป็น FreeSync ที่มาทีหลัง (เปิดตัว 2015) และมาแรงกว่า ด้วยเหตุผลว่า AMD ไม่คิดค่าไลเซนส์การใช้งานเทคโนโลยีแบบที่ NVIDIA ทำ ส่งผลให้บริษัทผลิตจอภาพสะดวกใจกับการซัพพอร์ต FreeSync มากกว่า มีจอที่เป็น FreeSync ออกสู่ตลาดเยอะกว่า
รอบนี้ NVIDIA จึงแก้เกมด้วยการออกไดรเวอร์ซัพพอร์ต หากจอภาพ FreeSync ตัวใดสามารถรองรับเทคโนโลยีแบบเดียวกับ G-Sync ได้ด้วย ตัวจีพียูก็จะเปิดฟีเจอร์ G-Sync ให้เองเลย
เอเอ็มดีประกาสบุกตลาด Chromebook ด้วยการออกชิปรุ่นล่างสุดมาให้ ได้แก่ AMD A6-9220C และ AMD A4-9120C ทั้งสองรุ่นเป็นแบบ 2 คอร์ 2 เธรด ต่างกันที่สัญญาณนาฬิกา 2.7GHz และ 2.4GHz ตามลำดับ โดยมีสเปคปล่อยความร้อนเพียง 6 วัตต์ โดยในงาน CES ผู้ผลิต โน้ตบุ๊กสองรายที่ออกมาประกาศแล้วว่าจะใช้ชิปสองรุ่นนี้คือ Acer และ HP
Acer Chromebook 315 เป็นโน้ตบุ๊กขนาด 15 นิ้วแบบเดียวกับ Chromebook 15 ที่ใช้ชิปอินเทล จอภาพ 1080p มีให้เลือกทั้งแบบจอสัมผัสและจอธรรมดา แรมสูงสุด 8GB มีพอร์ต USB-C 2 พอร์ต และ USB 3.0 2 พอร์ต, ช่องเฮดโฟน, รองรับ Wi-Fi 802.11ac และ Bluetooth 4.2 ราคาเริ่มต้น 280 ดอลลาร์ (เทียบกับ Chromebook 15 ที่ราคาเปิดตัว 349 ดอลลาร์) เริ่มจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์นี้
เอเอ็มดีเปิดตัวซีพียูโน้ตบุ๊ก Ryzen รุ่นที่สอง ตระกูล 3000 สำหรับโน้ตบุ๊กกลุ่มบางเบา โดยยังใช้สถาปัตยกรรม Zen โดยระบุว่าผู้ผลิตรายหลักล้วนกำลังผลิตโน้ตบุ๊กที่ใช้ซีพียูตระกูลนี้แล้ว ได้แก่ Acer, ASUS, Dell, HP, Huawei, Lenovo, และ Samsung
ซีพียูแบ่งออกเป็น สองรหัสย่อยคือรหัส H ที่มีอัตราการปล่อยความร้อน 35 วัตต์ และรหัส U ที่มีอัตราการปล่อยความร้อน 15 วัตต์ โดยรหัส H มีสองรุ่นคือ Ryzen 7-3750H และ Ryzen 5-3550H เป็นแบบ 4 คอร์ 8 เธรดทั้งคู่ ส่วนรุ่นล่างสุดจะใช้แบรนด์ Athlon เป็น Athlon 300U
ใกล้ถึงวันงาน CES 2019 เดือนนี้แล้วสื่อต่างๆ ก็จะฝุ่นตลบด้วยข่าวสารของฮาร์ดแวร์ชิ้นใหม่ที่รอการเปิดตัว ล่าสุด e-katalog ร้านค้าออนไลน์จากรัสเซียก็เผยสเปคและราคาของ Ryzen เจนเนอเรชันที่ 3 ออกมาหลายรุ่นมาก ซึ่งผลิตภายใต้สถาปัตยกรรม Zen 2 ด้วยเทคโนโลยีการผลิตขนาด 7 นาโนเมตรเป็นครั้งแรกบนเครื่องเดสก์ท็อประดับเมนสตรีม
ที่น่าสนใจคือชิปเรือธงอย่าง Ryzen 9 3800X จะมากับ 16 คอร์ 32 เธรด กับค่า TDP 125 วัตต์ คือเพิ่มจำนวนคอร์เป็นสองเท่าของ Ryzen 7 2700X แต่ใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจากเดิม 20 วัตต์ ที่คล็อก 3.9GHz (บูสต์ที่ 4.7GHz) และยังเป็นซ็อกเก็ต AM4 เหมือนเดิม เมนบอร์ดรุ่นปัจจุบันและรุ่นเก่าคาดการว่ารองรับได้ด้วยการอัปเดตไบออส
รุ่นรองลงไปจาก Ryzen 9 3800X ในตารางระบุว่าเป็น Ryzen 7 3700X (12 คอร์ 24 เธรด) ที่น่าสนใจคือสปีดตั้งไว้ที่ 4.2GHz และบูสต์ได้ที่ 5GHz ที่ค่า TDP 105 วัตต์ ไล่เรียงลงไปถึง Ryzen 3 3300 ที่ก็ได้มาถึง 6 คอร์ 12 เธรด ที่ค่า TDP 50 วัตต์
ที่มา - e-katalog ผ่านทาง Videocardz
ถึงแม้จีพียูตระกูล Radeon เดินทางมาถึงยุคสถาปัตยกรรม Vega แล้ว แต่ AMD ก็ยังไม่ทิ้งจีพียูสถาปัตยกรรม Polaris ตัวเดิม (ซีรีส์ 500) โดยล่าสุดออก Radeon RX 590 ตัวที่แรงกว่า 580 มาแล้ว
สเปกของ Radeon RX 590 เหมือนกับ RX 580 เกือบทุกอย่าง ทั้งจำนวนคอร์ (36 Compute Units, 2304 Stream Processors, 144 Texture Units) และแรม 8GB GDDR5 ความเร็ว 8 Gbps
จุดต่างสำคัญของ Radeon RX 590 คือเปลี่ยนมาใช้กระบวนการผลิต 12 นาโนเมตร (RX 580 ของเดิม 14 นาโนเมตร) ทำให้อัดคล็อคจีพียูได้สูงขึ้นเป็น 1469 MHz / 1545 MHz Boost (RX 580 คือ 1257 MHz / 1340 MHz) ทำให้ประสิทธิภาพสูงสุดเพิ่มมาเป็น 7.1 GFLOPs
นอกจาก สถาปัตยกรรม Zen 2 แล้ว AMD ยังโชว์ซีพียูของจริงที่ใช้สถาปัตยกรรมตัวใหม่นี้ พร้อมใช้กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตรรุ่นใหม่ล่าสุด นั่นคือซีพียู EPYC รุ่นหน้ารหัส "Rome"
ข้อมูลของ EPYC "Rome" เท่าที่เปิดเผยคือ ใช้สถาปัตยกรรม Zen 2 และมีจำนวนคอร์สูงสุด 64 คอร์, รองรับ PCIe 4.0, เพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำอีกเท่าตัว, ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากรุ่นก่อน และประสิทธิภาพด้านการประมวลผลทศนิยมเพิ่มขึ้น 4 เท่า
EPYC "Rome" ยังใช้ซ็อคเก็ตแบบเดียวกับ EPYC รุ่นปัจจุบัน (โค้ดเนม "Naples") และจะรักษาความเข้ากันได้กับ EPYC ตัวถัดไป (โค้ดเนม "Milan")
EYPC "Rome" จะวางขายในปีหน้า 2019 แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาชัดเจน
AMD เผยรายละเอียดของสถาปัตยกรรมซีพียู Zen 2 ซึ่งเป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่จากสถาปัตยกรรม Zen (14 นาโนเมตร) และ Zen+ (12 นาโนเมตร) ในปัจจุบัน
จุดต่างสำคัญของ Zen 2 คือแนวทางการออกแบบแยกส่วน (modular design) ที่เรียกว่า chiplet หรือการใช้ชิปหลายตัวมาเชื่อมต่อกันด้วยบัสความเร็วสูง AMD Infinity Fabric แต่ทั้งหมดอยู่ในแพ็กเกจซีพียูเดียวกัน
นอกจากนั้นแล้ว AMD ยังปรับปรุงเรื่อง execution pipeline, branch predictor, instruction pre-fetching ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น, เพิ่มความแม่นยำของทศนิยมไปเป็น 256 บิต รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ และแก้ปัญหาช่องโหว่ Spectre ไปบางส่วนด้วย
AMD เปิดตัวจีพียู 7 นาโนเมตรตัวแรกของโลก ตามที่เคยประกาศแผนไว้ล่วงหน้า โดยเริ่มจาก Radeon Instinct สำหรับเซิร์ฟเวอร์และเวิร์คสเตชัน
จีพียูรุ่นที่เปิดตัวคือ Radeon Instinct MI60 และ MI50 เป็นรุ่นต่อจาก Radeon Instinct MI25 รุ่นสูงสุดตัวเดิม และนอกจากกระบวนการผลิต 7 นาโนเมตรของ TSMC ก็มีฟีเจอร์อื่นๆ ดังนี้
AWS ประกาศความร่วมมือกับ AMD ให้บริการเครื่องเซิร์ฟเวอร์ EC2 ตระกูลใหม่ ได้แก่ R5a, M5a, และ T5a ที่ใช้ซีพียู AMD EPYC 2.5GHz โดยราคาถูกกว่าซีพียูอินเทลลง 10% โดยเน้นสำหรับลูกค้าที่ต้องการประหยัดและต้องการหน่วยความจำสูง ในราคาไม่แพงนัก
เครื่อง R5a ขนาดใหญ่สุดที่ 96 vCPU พร้อมแรม 768GB ส่วนเครื่อง M5a ใหญ่สุด 96 vCPU พร้อมแรม 384GB และเครื่อง T3a ใหญ่สุดที่ 8 vCPU แรม 32GB ความต่างเช่น M5 นั้นเครื่องใหญ่สุดเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คที่ 25Gbps ส่วน M5a เน็ตเวิร์คสูงสุด 20Gbps
AMD หยุดสนับสนุนไดรเวอร์การ์ดจอแบบ 32 บิตแบบเงียบๆ ในทุกระบบปฎิบัติการอย่างเป็นทางการแล้ว โดยคนที่ยังใช้ระบบปฎิบัติการแบบ 32 บิตบน Windows 7 และ Windows 10 จะไม่ได้รับการอัพเดตไดรเวอร์ใดๆ อีกต่อไป
AMD รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3/2018 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 1,653 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 102 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Lisa Su กล่าวว่าถือเป็นไตรมาสที่ห้าติดต่อกันที่ AMD มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น จากยอดขายที่เติบโตของ Ryzen, EPYC และผลิตภัณฑ์สำหรับศูนย์ข้อมูล
รายได้จากกลุ่ม Computing and Graphics เพิ่มขึ้น 12% เป็น 938 ล้านดอลลาร์ โดยมาจากสินค้ากลุ่ม Ryzen ขณะที่ยอดขาย GPU ลดลง ส่วนรายได้ของกลุ่ม Enterprise, Embedded and Semi-Custom ลดลง 5% เป็น 715 ล้านดอลลาร์ จากยอดขายที่ลดลงของกลุ่ม Semi-Custom แต่ได้กลุ่มเซิรฟเวอร์ที่เติบโตมาช่วย
ออราเคิลประกาศเครื่องตระกูล E ที่ใช้ชิป AMD EPYC โดยสามารถซื้อได้มากที่สุดคือทั้งเครื่อง (bare metal) รวม 64 คอร์ แรม 512GB โดยเริ่มใช้งานได้แล้วตอนนี้
เครื่องแบบ VM เริ่มให้บริการแบบ 1, 2, 4, 8 คอร์โดยต้องขอใช้งานล่วงหน้า ขณะที่เครื่องแบบ 16 และ 24 คอร์จะเริ่มให้บริการในอนาคต
ออราเคิลระบุว่าเครื่อง EPYC มีคอร์สูงสุดถึง 64 คอร์มากที่สุดในคลาวด์สาธารณะ และแบนวิดท์หน่วยความจำ 269 กิกะบิตต่อวินาที สูงที่สุดอีกเช่นกัน
ราคา 0.03 ดอลลาร์ต่อคอร์ต่อชั่วโมงหรือ 1.92 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อชั่วโมง (ไม่รวมสตอเรจ) ถูกกว่าเครื่อง bare meteal เดิมของออราเคิลเช่น Standard2 กว่าครึ่ง