Facebook ประกาศปรับอัลกอริทึมของ News Feed (อีกแล้ว) โดยนำปัจจัยเรื่อง "เวลา" ที่เราใช้อ่านโพสต์ (Time Spent Viewing) มาร่วมพิจารณาจัดอันดับด้วย

การนับเวลาจะนับหลังจากที่เราคลิกโพสต์แล้วโหลดจนเสร็จ แล้วอ่านบทความในเบราว์เซอร์ของ Facebook หรืออ่านผ่าน Instant Article แต่ก็จะวัดระยะเวลาอย่างเหมาะสม ไม่ให้น้ำหนักกับบทความขนาดยาวที่ต้องใช้เวลาอ่านนานเป็นพิเศษมากเกินไป

นอกจากนี้ Facebook ยังปรับอัลกอริทึม News Feed ไม่ให้แสดงโพสต์จากแหล่งเดียวกันซ้ำๆ มากจนเกินไป อัลกอริทึมใหม่จะเริ่มปรับใช้งานกับทุกเพจในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ที่มา - Facebook

เว็บไซต์ข่าว The Verge รายงานข่าวที่เป็นการคาดการณ์ว่าในอนาคต Facebook อาจจะเตรียมเปิดให้ผู้ใช้สามารถหาเงินได้จากโพสต์ของตัวเองบน Facebook หลังจากที่พบแบบสำรวจผู้ใช้งาน ซึ่งในตอนหนึ่งมีการถามว่าผู้ใช้คิดเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับการหาเงินจากโพสต์ต่างๆ ของ Facebook

ในตัวเลือกจากแบบสอบถาม (ดูได้จากที่มา) มีทั้งระบุว่าเป็นเงินค่าทิป (ในกรณีนักแสดง), เนื้อหาที่สนับสนุนจากแบรนด์สินค้าหรือผู้สนับสนุน, การบริจาค, ปุ่มเพื่อให้ทำกิจกรรมแบบอื่น หรือเลือกที่จะแบ่งปันค่าโฆษณาจากโพสต์บน Facebook ซึ่งในปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้เปิดให้เจ้าของโปรไฟล์ต่างๆ สามารถหาเงินได้จากโพสต์บน Facebook

จากเสียงวิจารณ์ว่า บ็อต Facebook Messenger ยังไม่ดีอย่างที่คาด ล่าสุด David Marcus ผู้บริหารสูงสุดของ Messenger ออกมาตอบคำถามกับผู้สื่อข่าวของ The Verge แล้ว

The Verge ลองใช้บ็อตพยากรณ์อากาศ Poncho และพบว่าได้คำตอบช้ามาก ซึ่ง Marcus บอกว่าโดยปกติแล้วควรได้คำตอบภายใน 5 วินาที เขาไม่ทราบว่าปัญหาเกิดจากอะไร แต่ก็เป็นสัญญาณว่าผู้สร้างบ็อตต้องเตรียมพร้อมเรื่อง infrastructure ให้มากกว่านี้

เขายังยืนยันว่าแนวทางการสนทนากับบ็อตของ Facebook ออกแบบมาสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่ geek วิธีการคุยไม่ใช้คำสั่งแบบ command-line แต่ใช้ปุ่มและภาพเข้าช่วยเพื่อให้ใช้งานง่ายที่สุด ส่วนเรื่องผู้ช่วยส่วนตัว M ที่ฉลาดกว่าบ็อตทั่วไปมาก (แต่ยังทดสอบในวงปิด) ก็จะพัฒนาให้เข้ามาช่วยเหลือผู้ใช้มากกว่าเดิม ตัว AI ก็ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรียนรู้จากบทสนทนาที่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็ยังมีข้อจำกัดบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนากันในระยะยาวต่อไป

วงการ prototype ช่วงนี้กำลังมาแรงมากๆ Facebook เองก็เปิดตัวเครื่องมือสำหรับดีไซเนอร์ออกมาใหม่ ใช้ชื่อว่า Origami Studio ซึ่งจะช่วยให้สร้างแอพ prototype ออกมาได้เร็วและสะดวกมากกว่าการสร้าง workflow ทั่วไป

Origami Studio เป็นแอพสำหรับระบบปฎิบัติการ OS X ที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันเช่น Core Animation เพื่อความเสถียรและความเร็วในการใช้งาน Facebook ยังบอกว่า Origami Studio จะให้ความรู้สึกเหมือนใช้งานแอพ Sketch หรือ Photoshop เลยทีเดียว

เก็บตกประกาศในงาน Facebook F8 ครับ ถ้ายังจำกันได้ Facebook มีโครงการพัฒนาฮาร์ดแวร์เพื่อขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตหลายโครงการ (ที่ดังๆ คือ เครื่องบินไร้คนขับ Aquila) ส่วนในงาน F8 ปี 2016 บริษัทก็ประกาศโครงการใหม่เพิ่มเติม 2 โครงการคือ Terragraph และ Project ARIES

คนที่ติดตามข่าวสารด้าน VR อาจสงสัยว่า Facebook ซื้อ Oculus ไปทำไม ที่ผ่านมา Facebook มักพูดว่า VR คืออนาคตของการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับผู้คน (ซึ่งก็ยังไม่ค่อยเห็นภาพมากนัก)

ในงาน F8 2016 บริษัทโชว์ต้นแบบ Social VR เดโมการใช้งานแว่น VR เพื่อพูดคุยกันเสมือนว่าอยู่ด้วยกันในสภาพแวดล้อมจำลอง คู่สนทนาจะเห็นใบหน้า (อวตาร) และมือของกันและกัน พร้อมทั้งเล่นเกม ตีปิงปอง ถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกันในบรรยากาศจำลอง ซึ่งจะเป็นที่ไหนก็ได้ในโลกนี้

ดูวิดีโอเดโมน่าจะเห็นภาพง่ายที่สุดครับ

ที่มา - Facebook Newsroom

งาน F8 วันที่สองเมื่อคืนนี้ ทีม Applied Machine Learning (AML) ออกมาอธิบายว่างานด้านวิศวกรรม 25% ของ Facebook ตอนนี้ถูกรันโดย AI เรียบร้อยแล้ว พร้อมโชว์ตัวอย่าง AI บางประเภทที่ Facebook ใช้งานอยู่

การใช้งาน AI ขั้นพื้นฐานเริ่มจากการแปล (translation) ข้อความใน News Feed เป็นภาษาต่างๆ และการแยกแยะรูปภาพตามบริบทของวัตถุภายในภาพ แต่ที่เจ๋งเป็นพิเศษมี 2 อันครับ

Facebook ประกาศตั้งทีมฮาร์ดแวร์ใหม่ชื่อ Building 8 โดยดึงเอา Regina Dugan หัวหน้าทีม ATAP ของกูเกิลมาคุมทีม

Regina Dugan เคยเป็นผู้อำนวยการห้องวิจัย DARPA ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (ห้องวิจัยที่สร้างอินเทอร์เน็ต) จนถึงปี 2012 จากนั้นย้ายมาดูแลทีม ATAP (Advanced Technology and Projects) ของกูเกิล (เจ้าของผลงานมือถือแยกส่วน Project Ara และ Project Tango) แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเธอที่ DARPA คือกำหนดระยะเวลาตายตัว แล้วสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคเอกชน เพื่อนำเทคโนโลยีในแล็บเปลี่ยนมาเป็นโครงการที่ใช้ได้จริง

ชื่อทีม Building 8 ไม่ได้หมายถึงอาคารหมายเลข 8 (Facebook ไม่มีอาคารนี้) แต่เลข 8 คือจำนวนตัวอักษรในชื่อ Facebook นั่นเอง

งาน Facebook F8 ปีที่แล้ว บริษัทเปิดตัว React Native ไลบรารีสำหรับสร้าง Native UI บนระบบปฏิบัติการต่างๆ ด้วยภาษา JavaScript (เขียนเป็น JavaScript แล้วไลบรารีแปลงเป็น Native UI ให้)

ที่ผ่านมา React Native รองรับ iOS และ Android เพียงสองระบบเท่านั้น แต่เมื่อคืนนี้ในงาน F8 เราก็ได้เห็น Facebook จับมือกับไมโครซอฟท์ พัฒนาให้ React Native รองรับการสร้างแอพ Universal Windows Platform (UWP) เป็นระบบที่สาม

360 องศา (ไม่ต้องวาดมือแบบในทีวี) คือวิดีโอที่ผู้ใช้สามารถรับชมบน Facebook และหมุนมุมกล้องเพื่อเสพเนื้อหาในมุมที่แตกต่างออกไป และต่อยอดใช้งานแบบ VR เห็นจริงเต็มตาเพียงครอบแว่นและหันศีรษะไปมา ซึ่งแบรนด์ Oculus ผู้เชี่ยวชาญก็เป็นของ Facebook แล้ว

เพื่อให้เกิดระบบนิเวศที่สมบูรณ์ Facebook ก็เปิดตัวกล้องในชื่อ Surround 360 ไว้ใช้บันทึกวิดีโอรูปแบบนี้โดยเฉพาะ เป็นหนึ่งในประเด็นหลักของงาน F8 ปีนี้เลยทีเดียว โอกาสนี้จึงขอเรียบเรียงถึงกล้องตัวนี้ว่ามีที่มาที่ไปและกลไกอย่างไรครับ

ปัจจุบันโครงการ Internet.org หรือ Free Basics ของ Facebook ได้เปิดให้ใช้งานใน 37 ประเทศแล้ว (รวมไทยด้วย) แม้ว่าจะมีปัญหากับอียิปต์และอินเดีย ตอนนี้ Free Basics มีผู้ใช้บริการถึง 25 ล้านคน โดย 6 ล้านคนจากทั้งหมดเพิ่งจะเริ่มใช้งานเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ในงาน F8 นี้ Facebook ได้เปิดตัวเครื่องมือบนแพลตฟอร์ม Free Basics เพิ่มเติม เช่น

Facebook ประกาศโอเพนซอร์ส Redex เครื่องมือช่วยรีดขนาดของแอพ Android ให้มีขนาดเล็กลง ทำงานได้เร็วขึ้น

Redex จะวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพ (optimization) ของไฟล์ไบต์โค้ด (dex) ของ Android ที่ Facebook พัฒนาขึ้นใช้ภายในบริษัทเอง และ Facebook for Android ก้ผ่านมือ Redex มาเรียบร้อยแล้ว บริษัทระบุว่าสามารถลดขนาดไฟล์ลงได้ 25% และเรียกแอพได้เร็วขึ้นสูงสุด 30%

Redex ทำงานได้บนแมคและลินุกซ์ วิธีใช้งานแสนง่าย เพียงแค่สั่ง redex ป้อนค่าพาธของไฟล์ .apk เข้าไปก็เรียบร้อยแล้ว กระบวนการปรับจูนโค้ดทำได้รวดเร็ว แม้แต่แอพที่ใหญ่ๆ แบบ Facebook ยังใช้เวลาแค่ 30 วินาทีเท่านั้น

ไฮไลท์สำคัญในงาน F8 เมื่อคืนนี้คือ Facebook Messenger เปิดตัว Messenger Platform อย่างเป็นทางการ บริษัทหรือแบรนด์สามารถสร้าง "บ็อต" มาพูดคุยกับผู้ใช้งานได้ ซื้อขายหรือสอบถามข้อมูลผ่านบ็อตได้

กระบวนการทำงานของบ็อต ใช้วิธีถามตอบตามตัวเลือกที่กำหนดไว้ ผ่าน Send/Receive API และในอนาคตก็จะมีบ็อตผู้ช่วยส่วนตัวที่เป็น AI เต็มขั้นด้วย

ในงาน Facebook F8 เมื่อคืนนี้ มีข่าวน่าสนใจหลายอย่าง สิ่งที่จับต้องได้ใกล้ตัวมากๆ คือ Facebook ขยายปุ่ม Save Links ออกมานอกระบบของตัวเอง ให้เว็บไซต์อื่นๆ สามารถฝังปุ่ม Save to Facebook เพื่อบันทึกบทความเข้าไปอ่านในระบบของ Facebook ได้แล้ว

รูปแบบการใช้งานปุ่ม Save to Facebook เหมือนกับปุ่ม Like/Share ที่เราคุ้นเคยกันดี เพียงแต่กดแล้ว URL นั้นจะถูกบันทึกเข้ารายการ Saved Links ในบัญชี Facebook ของผู้ใช้แทน (พูดง่ายๆ คือออกมาแข่งกับ Pocket) รูปแบบการใช้งานดูได้จากวิดีโอท้ายข่าวครับ

นักพัฒนาท่านใดสนใจก็เข้าไปดูได้ที่ Save to Facebook

ปัญหาปวดใจของผู้ผลิตคอนเทนต์แบบวิดีโอคือมักถูกผู้ใช้บางรายคัดลอกผลงานไปเผยแพร่บนช่องทางตัวเองเพื่อผลประโยชน์ (ฝรั่งเรียกว่า freebooting) ล่าสุด Facebook ออกเครื่องมือ Rights Manager ช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้แล้ว

เครื่องมือนี้จะช่วยให้แอดมินเพจอัพโหลดวิดีโอแท้ของตัวเองขึ้นเพจได้สะดวกขึ้น และช่วยค้นหาวิดีโอที่เหมือนกันใน Facebook ให้ และรองรับการดูแล Live Video ได้ด้วย (เช่นการบันทึกรายการสดไปเผยแพร่ต่อ) พร้อมแจ้งเตือนเจ้าของผลงานแท้ และเตือนให้ผู้ดูดคลิปจัดการนำคลิปออกด้วย ยังไม่เปิดในวงกว้างแต่ผู้สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนใช้งานได้ก่อนแล้ว และยังมี API ให้นักพัฒนานำไปใช้งานต่อด้วย

ที่มา - Facebook Rights Manager ทาง TechCrunch

ช่วงนี้อีกซีกโลกกำลังมีงาน F8 Facebook Developer Conference งานโชว์ของประจำปีของ Facebook ซึ่ง Mark Zuckerberg ขึ้นพูดเองด้วย งานวันแรกก็ปล่อยของออกมาหลายอย่าง (ตอนแรกนึกว่าไม่เยอะ แต่จริงๆ เยอะมาก) ดังนี้:

ที่มา - Facebook, TechCrunch

ไม่ต้องออกไปแย่งต่อคิวรอกดบัตรคอนเสิร์ตกันหน้าเว็บขายบัตร เมื่อ Ticketmaster บริษัทขายบัตรของอเมริกา จะเริ่มขายบัตรคอนเสิร์ตผ่านทางหน้า Event ใน Facebook แล้วภายในเดือนเมษายนนี้ กลไกคือสามารถเลือกรายละเอียดบัตร กดซื้อและชำระเงินโดยตรงในแอพ Facebook ได้ทันที ซึ่งในข่าวระบุว่า Tickermaster จะต้องเสียค่าส่วนแบ่งจากการขายบัตรให้ Facebook ด้วย

นับเป็นอีกหนึ่งทิศทางของ Facebook ที่พยายามควบรวมกิจกรรมต่างๆ บนโลกออนไลน์ให้ใช้งานบนแพลตฟอร์มตน ทั้ง Instant Article, Assistant M หรือบริการร่วมกับแบรนด์ต่างๆ ใน Facebook Messenger เป็นต้น

ที่มา - BuzzFeed

ปี 2016 ถือเป็นปีที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ จากเดิมที่เรามีเว็บเพจในรูปแบบ HTML เพียงเวอร์ชันเดียว ตามด้วยเว็บเพจในฟอร์แมต RSS ที่ได้รับความนิยมในช่วงกลางทศวรรษ 2000s พอมาถึงปีนี้ เรามีฟอร์แมตเว็บรูปแบบใหม่เพิ่มเข้ามาทีเดียว 2 แบบจาก 2 ค่าย (ซึ่งน่าจะต้องทำทั้งคู่) นั่นคือ Facebook Instant Articles และ Google Accelerated Mobile Pages (AMP)

เนื่องในโอกาส Facebook Instant Articles จะเปิดให้เว็บไซต์ทุกรายใช้งานในวันนี้ (12 เมษายน) บทความนี้จะอธิบายที่มาที่ไปของทั้ง Instant Articles และ AMP รวมถึงพยายามตอบคำถามว่า สุดท้ายแล้วเจ้าของเว็บควรปรับตัวอย่างไร

Dropbox ได้ประกาศความร่วมมือกับ Facebook ว่าตอนนี้ผู้ใช้ Messenger สามารถส่งไฟล์ที่อยู่บน Dropbox ผ่าน Messenger ได้โดยตรง ไม่ต้องสลับแอพไปมา ซึ่งถ้าเป็นไฟล์ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว GIF ก็จะมีพรีวิวบนหน้าแชท และสามารถเปิดไฟล์ที่ส่งผ่านแอพ Dropbox ได้เลย

วิธีส่งไฟล์จาก Dropbox ผ่าน Messenger คือต้องติดตั้งแอพ Dropbox บนมือถือไว้ก่อน จากนั้นไปที่หน้าแชทที่ต้องการส่งไฟล์ > กดปุ่ม More หรือปุ่ม "..." > หา Dropbox ในเมนู จากนั้น Messenger จะเรียกแอพ Dropbox ขึ้นมาให้เลือกไฟล์ที่ต้องการ รอสร้างลิงก์สักพักและจะเด้งกลับมาที่แอพ Messenger เพื่อยืนยันอีกครั้ง กดปุ่ม Send Photo ก็เป็นที่เรียบร้อย

มีผู้ใช้บางส่วนในอังกฤษพบว่าเมื่อเปิดหน้าฟีดในเฟซบุ๊ก จะพบข้อความทักทายแล้วตามด้วยพยากรณ์อากาศ เมื่อคลิกดูเพิ่มเติมก็จะมีหน้ารายงานอุณหภูมิในแต่ละช่วงเวลา และมีลิงก์ให้ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมผ่าน Weather.com

ก็เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่จะทำให้เรารู้สภาพอากาศได้โดยไม่ต้องเปิดแอพอื่นๆ

ที่มา - The Next Web

หลังจากที่ Facebook ปล่อยให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน Facebook Live ได้อย่างทั่วถึงแล้ว ก็มีผลตอบรับที่ค่อนข้างดี มีการใช้งานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Facebook ได้เปิดตัวเครื่องมือ Facebook Live Map เพื่อค้นหา Live ที่น่าสนใจได้จากทั่วโลก

Facebook Live Map จะแสดงจุดสีน้ำเงินบนแผนที่โลกเมื่อมีผู้ใช้เปิดใช้งาน Live โดยจะเลือกจากสถานะการตั้งค่าแบบสาธารณะเท่านั้น ผู้ใช้สามารถเลือกดูตัวอย่างของ Live นั้นได้โดยจะแสดงการ์ดรายละเอียดขึ้นมาบนจุดนั้นและยังบอกถึงผู้ที่กำลังรับชมมาจากจุดไหนของแผนที่ได้อีกด้วย

สามารถเข้าใช้งานได้แล้วผ่านทาง https://www.facebook.com/livemap/ ครับ

ที่มา : Product Hunt

มีรายงานจาก TechCrunch เผยว่า ตอนนี้ Facebook กำลังพัฒนา API สำหรับการสร้าง chatbot และ Live Chat web plug-in สำหรับองค์กรธุรกิจ และจะเปิดตัวในงาน F8 สัปดาห์หน้า

ระบบ chatbot จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสร้างระบบตอบโต้อัตโนมัติ เพื่อตอบโต้ข้อความมหาศาลจากผู้ใช้โดยไม่ต้องสร้างระบบ chatbot ขึ้นมาเอง ในรายงานกล่าวว่า Facebook ได้วางแผนให้ chatbot ตอบโต้กับข้อความที่เรียกว่า Structured Messages ที่มีหัวข้อ, รูปภาพ, คำอธิบาย, URL และเรียกใช้งานต่างๆ เช่น เปิดหน้าเว็บ, ดูออร์เดอร์ หรือจองร้านอาหาร

เราเพิ่งเห็นข่าว ผู้คนแชร์เรื่องราวผ่าน Facebook น้อยลง แต่ดูเหมือนว่า Facebook เองก็รับทราบปัญหานี้ และพยายามหาวิธีชักชวนให้คนแชร์กันมากขึ้น

ในการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook Live เมื่อไม่กี่วันมานี้ Mark Zuckerberg ลงทุนมาถ่ายวิดีโอ live ด้วยตัวเอง และในคลิป เขาก็โชว์แอพ Facebook เวอร์ชันใหม่ที่หน้าตาต่างไปจากปัจจุบัน ตอนที่เราแตะช่อง What's on your mind? ด้านบนสุดของแอพเพื่อโพสต์เนื้อหา จะเห็นเมนูสำหรับแชร์เนื้อหาประเภทใหม่ๆ เช่น Slideshow, Live Video, GIF, Music เพิ่มเข้ามาด้วย

ช่องทางทำเงินของเพจต่างๆ บนเฟซบุ๊กคงเป็นการที่แบรนด์ต่างๆ มาจ้างให้เขียนบทความ, ภาพ, หรือวิดีโอลงบนเพจตัวเอง โดยก่อนหน้านี้การทำเช่นนี้จริงๆ แล้วผิดข้อตกลงการใช้งานเฟซบุ๊กแทบทั้งหมดเพราะเฟซบุ๊กระบุว่าต้องขออนุญาตเป็นกรณีไปเท่านั้น

แต่ตอนนี้เฟซบุ๊กเปิดช่องทางการลงเนื้อหาเพื่อโฆษณาอย่างเป็นทางการ เรียกว่า Branded Content โดยจะมีปุ่มใส่แบรนด์เป็นรูปจับมือกันบน Page composer บนเดสก์ทอปและ iOS (แอนดรอยด์รอต่อไปอีกไม่กี่เดือน) และเมื่อเปิดฟีเจอร์นี้ก็สามารถแท็กแบรนด์กลับไปตรงๆ ได้

ไมโครซอฟท์เพิ่มความสามารถให้แอพ Outlook ทั้งบน iOS/Android (ซึ่งเป็นแอพลูกผสมทั้งเมลและปฏิทิน) สามารถเชื่อมต่อเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับแอพอื่นๆ ได้มากขึ้น ฟีเจอร์นี้เป็นการยกมาจากแอพ Sunrise Calendar ที่ไมโครซอฟท์ซื้อมาเมื่อปีที่แล้ว และพยายามผนวกมันเข้ากับแอพหลักของ Outlook

• ดึงรายการที่ต้องทำ (to-do) จาก Wunderlist
• ดึงปฏิทินจาก Facebook Events สามารถกดเข้าร่วมงานได้จาก Outlook ได้เลย
• ดึงข้อมูลโน้ตจาก Evernote และถ้าตั้ง reminder ไว้ มันจะขึ้นในปฏิทิน Outlook ให้ด้วย

ไมโครซอฟท์ยังบอกว่าในเร็วๆ นี้จะเปิดให้ Outlook บน iOS/Android สามารถเชื่อมกับ OneNote และ Skype for Business ได้ด้วย (ส่วนบน Windows 10 Mobile ก็ตัวใครตัวมันครับ)