คำตัดสินจำคุก 8 เดือนรอลงอาญา 1 ปีและปรับ 20,000 บาทที่ศาลอาญาพิพากษาคุณจีรนุช เปรมชัยพร ทำให้หน่วยงานทั่วโลกออกมาแสดงความเห็นนี้อย่างต่อเนื่อง ผ่านไปสองวันหน่วยงานหลักๆ น่าจะแสดงความเห็นกันครบถ้วนแล้ว ก็คงรวบรวมไว้ในข่าวเดียวกัน
คณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งเอเชีย (Asian Human Rights Commission - AHRC) ออกแถลงการต่อคดีประชาไทเมื่อวานนี้ แสดงความผิดหวังอย่างรุนแรง (gravely dismayed) กับการการขยายตัวของอันตรายต่อเสรีภาพการแสดงออกและสิทธิมนุษยชน
Human Rights Watch (HRW) แสดงความเห็นในคดีประชาไทเมื่อวานนี้ว่าการลงโทษผู้ดูแลเว็บด้วยกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์เป็นการแสดงถึงการใช้กฏหมายอย่างผิดประเภทมากขึ้นเรื่อยๆ ของรัฐบาลไทย และตัดสินโทษจำคุกเป็นการเพิ่มบรรยากาศความกลัวและผลักดันให้มีการเซ็นเซอร์ตัวเองมากขึ้นในสื่อของไทย
Brad Adams ผู้อำนวยการฝ่ายเอเซียของ HRW ระบุว่าคำพิพากษานี้จะทำให้ผู้ดูแลเว็บและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะเซ็นเซอร์การพูดคุยในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความกลัวที่จะต้องโทษเสียเอง และการลงโทษทางอาญากับตัวกลางในอินเทอร์เน็ตเป็นการแสดงว่าขีดจำกัดความอดทนต่อเสรีภาพทางการพูดของไทยนั้นตกลงต่ำสุดอีกครั้ง
ศูนย์เพื่อประชาธิปไตยและเทคโนโลยี (Center for Democracy and Technology - CDT) ออกแถลงการคัดค้าน (object) คำพิพากษาคดีประชาไท ว่าการลงโทษเว็บมาสเตอร์ที่ดูแลเว็บที่สร้างเนื้อหาโดยผู้ใช้ (user-generated content) ไม่เพียงแต่ไม่ยุติธรรม แต่ยังเป็นอันตรายต่อการแสดงออกของผู้ใช้โดยรวม การตัดสินเช่นนี้จะทำให้เว็บมาสเตอร์ต้องลบข้อความใดๆ ที่มีความเสี่ยงว่าจะผิดกฏหมายแม้จะมีโอกาสน้อยเพียงใดก็ตาม หรือเว็บมาสเตอร์จำนวนหนึ่งอาจจะเลือกที่จะไม่รับเนื้อหาจากผู้ใช้อีกเลย
ต่อจากกูเกิลที่ออกแถลงการประเด็นคำพิพากษาคดีประชาไทไปในช่วงเย็น สมาคมผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporter without Borders / Reporters sans Frontieres - RSF) ก็ออกแถลงการตามมาถึงความเห็นต่อคดีนี้ว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ของไทยนั้นมีบทลงโทษที่ไม่สมสัดส่วนความผิด และคำพิพากษาในคดีนี้เป็นผลร้าย (threat) กับทุกคนที่ให้บริการโฮสต์เนื้อหาที่ให้บริการในประเทศไทย
นอกจากนี้ RSF ยังระบุว่ากฏหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายปิดกั้นที่สามารถตีความไปในทางที่ไม่สมเหตุสมผลได้ โดย RSF เสนอว่าการร้องขอให้ลบเนื้อหาออกจากเว็บนั้นควรเป็นอำนาจของศาลเท่านั้นไม่ใช่อำนาจของตำรวจ
ข่าวคดีประชาไทในวันนี้สำนักข่าวจำนวนมากรายงานกันทั่วโลก แต่เรื่องน่าสนใจคือบริษัทที่มีสำนักงานในไทยอย่างกูเกิลก็ออกมาแสดงความกังวลกับการใช้กฏหมายพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 อย่างตรงไปตรงมา
กูเกิลยกตัวอย่างบริษัทโทรศัพท์ ว่าต้องไม่ได้รับโทษจากบทสนทนาของผู้โทร เว็บไซต์เองก็ไม่ควรต้องรับผิดจากข้อความบนเว็บไซต์เช่นเดียวกัน แต่การพิพากษาในวันนี้คือการลงโทษเว็บไซต์จากข้อความที่มีผู้อื่นมาโพสต์ พร้อมกับแสดงความกังวลด้านการลงทุน
คำพิพากษาในคดีภาระของผู้ดำเนินการเว็บไซต์ในวันนี้คงมีประเด็นให้ถกเถียงกันอีก ตอนนี้ทาง ThaiNetizen ได้ส่งตัวแทนไปร่วมฟังพิจารณาคดีด้วย และได้ถ่ายภาพเอกสารคำพิจารณามาด้วย
ภาพไม่ชัดสักหน่อย แต่อ่านออกคงเป็นข้อมูลสำหรับการพูดคุยกันต่อไปได้
UPDATE: ผมเพิ่งตรวจพบว่าหน้าสามหายไป กำลังติดต่อขอเอามาวางเพิ่มใหม่ครับ
UPDATE2: เพิ่มครบแล้วครับ
UPDATE3: แก้ไขหัวข้อ เพราะเป็น "ย่อคำพิพากษา"
คดีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเว็บไซต์ประชาไทมาถึงช่วงเวลาอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในวันนี้ ศาลพิพากษาให้จำคุกนางสาวจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์ 8 เดือนแต่ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปีและปรับ 20,000 บาทจากหนึ่งข้อความที่แสดงบนเว็บไซต์เป็นเวลา 20 วันก่อนจะลบออก จากจำนวนความเห็นทั้งหมด 10 ข้อความที่สั่งฟ้อง
ข้อความทั้งสิบข้อความนั้น อีก 9 ข้อความที่เหลือถูกแสดงบนเว็บไซต์ประชาไทเป็นเวลาสิบวันหรือต่ำกว่า ศาลมองว่ากรอบเวลาสิบวันนั้นอยู่ในเวลาอันสมควรและแสดงความไม่ยินยอมตามมาตรา 15 ของพรบ. คอมพิวเตอร์
สหภาพยุโรปเพิ่งผ่านร่างกฏหมายติดตามผู้ใช้ในอินเทอร์เน็ต หรือ Cookie law บังคับให้คนทำเว็บทั้งหมดต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ก่อน จึงจะสามารถติดตามผู้ใช้ด้วย cookie ได้ โดยกฏหมายนี้มีผลบังคับใช้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ขณะที่เว็บไซต์จำนวนมากยังไม่สามารถปรับตัวตามกฏหมายนี้ได้ ในก็มีการร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของอังกฤษ (Information Commissioner’s Office - ICO) แล้วถึง 64 คำร้อง โดยทาง ICO ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีเว็บไซต์ที่ถูกร้องเรียนจำนวนทั้งหมดเท่าใด เพราะคำร้องหลายชุดอาจจะร้องเรียนเว็บไซต์เดียวกันได้
โทษสูงสุดของการละเมิดความเป็นส่วนตัว คือปรับ 500,000 ยูโร
Brendan Eich บริจาคเงิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ สนับสนุนร่างกฏหมายห้ามการแต่งงานในเพศเดียวกัน (Proposition 8) โดยการบริจาคครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่สองของเขาหลังจากที่เขาเคยบริจาคเงินสนับสนุนร่างกฏหมายนี้จำนวน 1,000 ดอลลาร์ มาแล้วในปี 2008
แน่นอนว่ามันย่อมไม่มีปัญหาถ้าเขาคือคนทั่วไป แต่ Eich ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งจาวาสคริปต์ การบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนร่างกฏหมายที่มีนัยจำกัดสิทธิเสรีภาพจึงได้รับการวิจารณ์อย่างหนัก โดยหลายๆคนพูดว่า มันทำให้ Mozilla เสื่อมเสีย บางคนก็บอกว่า เขาคือผู้ทำลายล้างเสรีภาพบนโลกอินเทอร์เน็ต(เกี่ยวกันยังไง?) หรือแม้แต่ Eich กลายเป็นไดโนเสาร์ไปแล้ว
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อตอนต้นปีมีข่าว กูเกิลปรับข้อตกลงการใช้งาน รวมทุกบริการเข้าภายใต้ข้อตกลงเดียว ซึ่งการเป
บริษัทซัมซุง กำลังจะโดนคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) เข้าสอบสวนในข้อกล่าวหาละเมิดกฎหมายด้านการแข่งขันทางการค้า จากการใช้สิทธิบัตรฟ้องร้องคู่แข่ง
ประเด็นสำคัญในกรณีของซัมซุงคือ สิทธิบัตรที่ซัมซุงใช้ในการฟ้องร้องนั้น เป็นสิทธิบัตรสำคัญในมาตรฐานโทรคมนาคม 3G ที่ซัมซุงเคยให้สัญญาไว้กับสถาบันมาตรฐานโทรคมนาคมของยุโรปเมื่อปี 1998 ว่า จะอนุญาตให้เข้าถึงเทคโนโลยีในเงื่อนไขที่เป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ (fair, reasonable and non-discriminatory หรือ FRAND) ซึ่งเป็นจุดที่ซัมซุงจะโดนเพ่งเล็งมากที่สุดว่าได้ละเมิดสัญญาดังกล่าวหรือไม่
หลังจากกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ ท่ามกลางข่าวความขัดแย้งมากมาย ส.ส. Lamar Smith จากพรรครีพับลิกัน เจ้าของร่างกฎหมาย SOPA อันขัดแย้ง ก็ประกาศถอนร่างนี้ออกจากวาระของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแล้ว
Smith ยอมรับว่าร่างกฎหมายของเขาได้รับเสียงวิจารณ์มากมาย และเขารับฟังเสียงเหล่านี้ จึงตัดสินใจถอนร่างออกจากสภา อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าประเด็นเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนโลกอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งสำคัญ เพียงแต่เขาจะทบทวนวิธีการแก้ไขปัญหาลิขสิทธิ์ที่สร้างความขัดแย้งใน SOPA อีกครั้ง
ส่วนร่างกฎหมายอีกฉบับหนึ่งคือ PIPA ที่เสนอเข้าวุฒิสภาของสหรัฐ ทางผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาคือ วุฒิสมาชิก Harry Reid ก็ประกาศว่าจะเลื่อนการลงมติออกไปก่อน
Mark Zuckerberg ออกมาแสดงตัวต้านร่างกฎหมาย SOPA/PIPA ชัดเจน โดยเขาโพสต์ข้อความบน Facebook เรียกร้องให้ผู้ใช้เน็ต "ปกป้องอินเทอร์เน็ตเอาไว้" จากกฎหมายที่อาจส่งผลเสียต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้เขายังระบุว่ายุคสมัยนี้จำเป็นต้องมีนักการเมืองที่ "สนับสนุนอินเทอร์เน็ต" ด้วย
The internet is the most powerful tool we have for creating a more open and connected world. We can't let poorly thought out laws get in the way of the internet's development. Facebook opposes SOPA and PIPA, and we will continue to oppose any laws that will hurt the internet.
ปรากฎการณ์เว็บทั่วโลกร่วมกันต่อต้านร่างกฏหมายต่อต้าน Stop Online Piracy Act ตลอดวันนี้ เว็บที่เข้าร่วม เช่น Wikipedia, Scribd, Wired หรือ EFF บทความนี้จะแนะนำว่าทำไมหน่วยงานจำนวนมากในโลกจึงต่อต้านกฏหมายฉบับนี้ และเมืองไทยเองเพิกเฉยต่อกระบวนการเหล่านี้มาอย่างไรกันบ้าง เพื่อบางทีที่เรามองเหตุการณ์ในต่างประเทศแล้วเราอาจจะมองเห็นภาพที่สังคมอินเทอร์เน็ตต่อการเซ็นเซอร์
reddit และ Wikipedia นำหน้าไปก่อนแล้ว ล่าสุดเ
ประเด็นกฏหมาย SOPA กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังจากที่มีข่าวว่าสส. Eric Canter จะแขวนร่างกฏหมายนี้ วันนี้สส. Lamar Smith จากเท็กซัสก็ออกจดหมายข่าวระบุว่ากฏหมายนี้กำลังเดินหน้าต่อไป โดยจะเข้าสภาอีกครั้งในเดือนหน้า
สส. ทั้งสองคนมีตำแหน่งค่อนข้างสำคัญในการผ่านร่างกฏหมายนี้ โดย Eric Canter นั้นเป็นผู้นำวิปเสียงข้างมากของสภาผู้แทน ส่วน Lamar Smith นั้นเป็นประธานคณะกรรมมาธิการยกร่างกฏหมาย
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของกฏหมายป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่าง SOPA หรือ PIPA นั้นคือบรรดาเว็บ Torrent ทั้งหลาย (ผู้สนับสนุนกฏหมายนี้ก็เป็นกลุ่มผู้ถือลิขสิทธิ์อย่าง MPAA) แต่ทางแหล่งข่าวภายใน The Pirate Bay ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับ TorrentFreak ว่ากฏหมายเหล่านี้ไม่สามารถหยุดบริการได้แต่อย่างใด
The Pirate Bay เตรียมการเว็บตัวเองสำหรับการถูกบล็อคด้วยการถอดการให้บริการดาวน์โหลดไฟล์ torrent ออกจากเว็บ ทำให้เว็บมีขนาดเล็กลงมาก และหลังจากนั้นจึงพัฒนา CGIPROXY รุ่นพิเศษ ที่ทำให้ใครๆ สามารถเปิดบริการ proxy ไปยัง The Pirate Bay ได้โดยง่าย
เราเห็นข่าว reddit ประกาศปิดเว็บชั่วคราว ประท้วงกฎหมาย SOPA กันไปแล้ว คราวนี้เป็นคิวของสารานุกรม Wikipedia กันบ้าง
หลังจากถูกต่อต้านอย่างหนักทั่วอินเทอร์เน็ต สส. Eric Cantor ก็ประกาศหยุดกระบวนการเสนอร่างกฏหมาย SOPA อย่างเป็นทางการ ถ้าไม่มีการดำเนินการต่อ กฏหมายฉบับนี้ก็จะค้างอยู่เป็นร่างต่อไป อย่างไรก็ดีกลุ่มผู้แทนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังเสนอร่างกฏหมายคล้ายๆ กันในชื่อ PIPA
ร่าง PIPA ถูกเสนอเข้าไปยังรัฐสภาสหรัฐฯ โดยกลุ่มสว. โดยยังคงมีประเด็นสำคัญคือการบล็อค DNS เมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้าหน้าที่
PIPA ยังคงเป็นประเด็นทางเทคนิคกันต่อไป เมื่อวิศวกรอินเทอร์เน็ตจำนวนหนึ่งออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย โดยการเปลี่ยนแปลงค่าใน DNS เช่นนี้ทำไม่ได้ในระบบ DNSSEC ที่ทั้งโลกกำลังเปลี่ยนไปใช้งาน
กระแสคัดค้านร่างกฎหมาย SOPA/PIPA นั้นเริ่มแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ โดยนอกจาก reddit แล้ว ล่าสุด WordPress ก็เข้าร่วมวง ด้วยการเขียนบล็อกเชิญชวนให้ผู้ใช้ลุกขึ้นมาต่อต้านร่างกฏหมายทั้งสองฉบับนี้
Jane Wells ผู้เขียน ได้ให้ความเห็นว่า "กฎหมายไม่ใช่โค้ด PHP ที่จะเปลี่ยนได้ง่ายๆ เมื่อนึกได้ว่ามีวิธีอื่นที่ดีกว่า" และยังได้แนบวิดีโอจาก Fight for the Future เพื่อให้ความเข้าใจกับร่างกฎหมาย SOPA/PIPA และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย
ในขณะนี้ WordPress มีผู้ใช้งานกว่า 60 ล้านคนทั่วโลกหรือคิดเป็น 15% ของเว็บไซต์ทั้งหมด
reddit เว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ด้านไอทีอีกแห่ง ประกาศ "ปิดเว็บ" เพื่อประท้วงร่างกฎหมายเจ้าปัญหา SOPA (และ PIPA ที่เป็นกฎหมายฉบับเดียวกันแต่คนละร่าง)
การปิดเว็บรอบนี้เป็นการปิดเว็บชั่วคราว 12 ชั่วโมง (ประท้วงเชิงสัญลักษณ์) โดยจะเริ่ม 8 โมงเช้าถึง 2 ทุ่มในวันที่ 18 มกราคม ตามเวลา Eastern Standard Time ของสหรัฐ
ในช่วงที่ปิดเว็บ reddit จะขึ้นข้อความอธิบายว่าร่างกฎหมาย SOPA/PIPA จะส่งผลให้เว็บไซต์อย่าง reddit ถูกสั่งปิดได้ และแปะวิดีโอของผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ตหลายราย (รวมถึงผู้ก่อตั้ง reddit คือ Alexis Ohanian) ให้ความเห็นต่อสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐด้วย
ที่มา - reddit Blog
ร่างกฎหมาย SOPA ของสหรัฐสร้างความขัดแย้งในวงการไอทีอย่างมาก กรณีที่ชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้น Go Daddy ที่โดนกดดันจนต้องเปลี่ยนท่าทีมาคัดค้าน
กฏหมาย SOPA หรือ Stop Online Piracy Act นั้นเป็นกฏหมายที่สร้างข้อถกเถียงและแรงต่อต้านสูงมาก แต่ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาหลายกลุ่ม ตั้งแต่เจ้าเก่าอย่างสมาคมภาพยนตร์สหรัฐฯ หรือ MPAA จนถึงเจ้าของแบรนด์สินค้าอย่างบริษัท L'Oreal แต่บริษัทที่อยู่ฝั่งอินเทอร์เน็ตอย่าง Go Daddy นั้นก็กลับไปลงชื่อร่วมสนับสนุนด้วย