ประสิทธิภาพของการรับส่งข้อมูลของ Wi-Fi จะแย่ลงเมื่อมีผู้ใช้ access point ตัวเดียวกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากช่องความถี่ที่ใช้มีอยู่ช่องเดียว หากผู้ใช้จำนวนมากร้องขอข้อมูลพร้อมกัน ตัว access point จะส่งข้อมูลที่ร้องขอกลับไปลำบาก ในทางกลับกัน ถ้าตั้งความสำคัญให้ access point ส่งข้อมูลออกไปได้ก่อน ผู้ใช้จะมีปัญหาในการร้องขอข้อมูลแทน
นักวิจัยจาก North Carolina State University จึงสร้าง WiFox ซึ่งทำหน้าที่เหมือนตำรวจจราจร คอยมอนิเตอร์ปริมาณข้อมูลที่ค้างอยู่ในตัว access point หากข้อมูลค้างอยู่มาก ก็จะปรับระดับความสำคัญในการส่งข้อมูลออกไปจากตัว access point ให้สูงขึ้น การไหลของข้อมูลก็จะคล่องตัวทั้งสองทาง
ไมโครซอฟท์โชว์ "Kinect Fusion" ฟีเจอร์ใหม่ของ Kinect for Windows ที่ใช้ในงานวิจัย ความสามารถของมันคือใช้กล้องของ Kinect จับภาพวัตถุหรือสภาพแวดล้อมภายในห้อง แล้วสร้างเป็นโมเดล 3 มิติให้อัตโนมัติ
เทคนิคนี้ใช้ภาพในทางลึก (depth data) จากกล้องของ Kinect โดยการสแกนหลายๆ ครั้งจากหลายมุม (หลักร้อยหรือพันครั้ง) นำมาสร้างพื้นผิว 3 มิติของวัตถุหรือสภาพแวดล้อม
ฟีเจอร์นี้จะถูกรวมเข้ามาใน Kinect for Windows ในอนาคต ตอนนี้ยังเป็นแค่ของโชว์เฉยๆ ครับ หน้าตาเป็นอย่างไรดูกันเองตามลิงก์
ที่มา - Kinect for Windows
ทีมนักวิจัยของ Intel Labs ในบาร์เซโลนา กำลังวิจัยเรื่องการพัฒนาซีพียูที่มีคอร์จำนวนมากๆ บนอุปกรณ์พกพา
ตอนนี้นักวิจัยของอินเทลยังไม่ได้ข้อยุติว่าจำนวนคอร์ที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไร แต่ชิปตัวอย่างที่กำลังพัฒนากันอยู่มี 48 คอร์ ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับงานบางประเภท (เช่น การถอดรหัสวิดีโอแบบขนาน) และช่วยลดพลังงานในภาพรวมด้วย (เพราะเฉลี่ยงานกันจึงไม่มีคอร์ที่กินไฟสูงๆ)
นักวิจัยคาดว่าเราจะได้เห็นมือถือ 48 คอร์วางขายในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ Justin Rattner ซึ่งเป็น CTO ของอินเทลประเมินว่าระยะเวลาจะสั้นกว่านั้นมาก โดยมีแรงผลักดันมาจากความต้องการใช้งาน natural interface ที่มากขึ้น ทำให้ต้องการอุปกรณ์พกพาที่มีสมรรถนะมากขึ้นตามไปด้วย
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ครับว่า SSL คือเทคโนโลยีหนึ่งที่สำคัญมากแบบขาดเสียไม่ได้ ทั้งในด้านธุรกรรมการเงิน การส่งต่อข้อมูลความลับต่างๆ ซึ่งเหตุผลหลักคือเพื่อป้องกันการโจมตีจากเหล่าบรรดาแฮกเกอร์ แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเปิดเผยว่า SSL เมื่อถูกใช้งานในบางสถานการณ์นั้นอาจไม่ปลอดภัยอย่างที่เคยคิดกัน
ระบบเงิน BitCoin นั้นการโอนเงินทั้งหมดจะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะจากระบบป้องกันการโอนเงินซ้ำซ้อน ระบบเช่นนี้ทำให้คนตั้งคำถามว่าเราจะวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินได้มากอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน เพราะก่อนหน้านี้มีเพียงธนาคารขนาดใหญ่หรือธนาคารชาติเท่านั้นที่จะมีข้อมูลเช่นนี้ ตอนนี้งานวิจัยการไหลเวียนของ BitCoin ก็ตีพิมพ์มีงานประชุมวิชาการ Financial Cryptography and Data Security 2013 แล้ว
ผลงานวิจัยจาก Disney Research นี้มีชื่อว่า **Capacitive Fingerprinting** ซึ่งเป็นระบบจำแนกบุคคลสำหรับอุปกรณ์ที่มีหน้าจอสัมผัส แม้จะใช้ชื่อดังกล่าวแต่งานนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับลายนิ้วมือเลย
เทคโนโลยีใหม่นี้พัฒนาจากความสามารถของระบบ [Touché](http://www.blognone.com/node/32285) โดยอาศัยการปล่อยคลื่นแรงดันไฟฟ้าหลายความถี่จากหน้าจอสัมผัสและจดจำการตอบสนองของสัญญาณไฟฟ้าดังกล่าวซึ่งจะแตกต่างกันไปในขณะที่ผู้ใช้แต่ละคนสัมผัสหน้าจอ
ในงาน UIST 2012 ที่เพิ่งจบไปในสัปดาห์นี้ ทาง Microsoft เองได้โชว์ต้นแบบอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบใหม่ที่ชื่อว่า **Digits**
อุปกรณ์ใหม่ที่ว่านี้ใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับ Kinect มีลักษณะเป็นสายรัดข้อมือพร้อมกล้องอินฟราเรดและเซ็นเซอร์วัดความเฉื่อย ทำหน้าที่ตรวจจับตำแหน่งและรูปแบบการเคลื่อนที่ของนิ้วมือผู้สวมใส่ รวมไปถึงการเคลื่อนที่ของมือ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งการอุปกรณ์ต่างๆ หรือเล่นเกมได้ด้วยมือเปล่าๆ เพียงข้างเดียว ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเรียกได้ว่าอาจจะเหนือกว่าแนวคิดเรื่อง[ถุงมือของกูเกิล](http://www.freepatentsonline.com/8009141.pdf)ด้วยซ้ำ
UIST หรือชื่อเต็มๆ คือ User Interface Software and Technology ซึ่งเป็นการสัมมนาว่าด้วยเรื่องซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีสำหรับส่วนติดต่อผู้ใช้งาน โดยปีนี้เพิ่งจัดงานไปเมื่อ 7-10 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจหลายรายการ ซึ่งรวมถึงผลงานจาก University of Bristol ที่มีชื่อว่า **PiVOT: Personalized View-Overlays for Tabletops**
อุปกรณ์ PiVOT นี้คล้ายๆ กับ [PixelSense](http://www.blognone.com/node/33427) คือเป็นหน้าจอขนาดใหญ่วางราบเป็นโต๊ะที่ผู้ใช้หลายๆ คนสามารถรับชมสื่อได้พร้อมกัน โดยตอบสนองต่อวัตถุและการสัมผัสจากผู้ใช้ ทว่าสิ่งที่พิเศษสำหรับ PiVOT คือ ผู้ใช้ที่มองหน้าจอจากมุมมองที่ต่างกัน จะเห็นภาพที่แตกต่างกันไป
Disney Research พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า **Botanicus Interacticus** ซึ่งใช้ต้นไม้ทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์จับการสัมผัสของผู้ใช้ และส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ที่ต่ออยู่เพื่อแสดงผลตอบโต้การใช้งาน
เทคโนโลยีใหม่อันน่าทึ่งนี้เป็นการต่อยอดมาจาก[เทคโนโลยี Touché ซึ่งอาศัยการตรวจจับคลื่นแรงดันไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะการสัมผัสเซ็นเซอร์ของผู้ใช้งาน](http://www.blognone.com/node/32285) โดยอยู่บนหลักการที่ว่าร่างกายมนุษย์ผู้ใช้งานเป็นตัวนำไฟฟ้าอย่างหนึ่ง ซึ่งจะตอบสนองต่อคลื่นแรงดันไฟฟ้าที่ความถี่แต่ละระดับแตกต่างกันไปตามท่าทางผู้ใช้งานขณะนั้น
สำนักวิจัยอีกแห่งที่ออกสำรวจด้านเทคโนโลยีตลอดมา คือ Pew Research Center ได้ออกรายงานสำรวจการใช้งานแท็บเล็ต พบว่าการใช้งานเพิ่มขึ้นจาก 11% เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2011 มาเป็น 18% เมื่อมกราคมที่ผ่านมา ส่วนช่วงสิงหาคมที่ผ่านมาตัวเลขเพิ่มเป็น 25% แล้ว
ส่วนแบ่งตลาดก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ปีที่แล้วผู้ตอบแบบสำรวจที่ใช้แท็บเล็ตใช้ไอแพดมากถึง 81% แต่การสำรวจล่าสุดเหลือเพียง 52% ส่วนแอนดรอยด์นั้นเพิ่มจาก 15% ในปีที่แล้วมาเป็น 48% ในปีนี้ และอื่นๆ 4% ในปีที่แล้วหายไปหมด
ในบรรดาผู้ใช้แท็บเล็ตแอนดรอยด์นั้น Kindle Fire นำมาอันดับหนึ่ง 21% ตามด้วย Samsung Galaxy 8% ที่เหลือเป็นยี่ห้ออื่นๆ
Jerry Brown ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียไปที่สำนักงานใหญ่ของ Google เพื่อเซ็นร่างกฏหมาย SB 1298 ว่าด้วยการอนุญาตให้รถยนต์แบบไร้คนขับวิ่งบนท้องถนนจริงได้
ร่างกฏหมายนี้ว่าด้วยเรื่องข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ของรถยนต์แบบไร้คนขับ โดยหลังจากกฏหมายฉบับนี้บังคับใช้งาน ผู้ผลิตรถยนต์สามารถนำรถแบบไร้คนขับออกทดสอบจริงบนท้องถนนได้ ตราบใดที่มีผู้ขับรถที่มีใบขับขี่นั่งประจำตำแหน่งผู้ขับเพื่อควบคุมรถในกรณีฉุกเฉิน
Brown กล่าวว่าร่างกฏหมายนี้จะช่วยผลักดันให้เทคโนโลยีในนิยายไซ-ไฟกลายเป็นจริง และเป็นก้าวใหม่ในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีของรัฐแคลิฟอร์เนีย และโลกทั้งใบ
ฐานข้อมูลแบบกระจาย (distributed database) ไม่ใช่แนวคิดใหม่แต่อย่างใด เพียงแต่การกระจายฐานข้อมูลออกไปไกลระดับครอบคลุมทั้งโลก (ห่างกันหนึ่งซีกโลก) กลับมีปัญหาเรื่อง latency ทำให้การอ่าน-เขียนข้อมูลบนฐานข้อมูลแต่ละชุด (ซึ่งส่วนใหญ่ข้อมูลซ้ำกันหรือเป็น replication) ทำได้ไม่พร้อมกัน
กูเกิลแก้ปัญหานี้ด้วยซอฟต์แวร์ชื่อ Spanner ที่ใช้เทคนิคช่วยให้การวัด "เวลา" แม่นยำขึ้น ผ่านทั้งตัวรับสัญญาณ GPS และนาฬิกาอะตอม (atomic clock) ที่ติดตั้งไว้ในศูนย์ข้อมูลของกูเกิล แทนการส่งข้อมูลข้ามไปถามศูนย์ข้อมูลอื่นๆ ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่อง latency ได้
นอกจากนี้ Spanner ยังช่วยกำหนดประเภทของข้อมูลที่ต้องการอ่าน-เขียนได้ เช่น
แม้ว่าในตลาดเกมช่วงหลัง การมาของอุปกรณ์ iOS จะสั่นคลอนตลาดนี้ได้พอสมควร จากความนิยมของทั้ง iPhone และ iPad แต่ถ้าลองเจาะไปตามวัยแล้ว อาจจะยังสรุปไม่ได้ว่าทุกคนชอบเล่นเกมบน iPad หรือ iPhone มากที่สุดแล้ว
โดยจากผลการศึกษาของ NPD Group ระบุว่าเด็กอายุตั้งแต่ 4-14 ปีไม่ได้ใช้เวลากับในการเล่นเกมกับ iPad มากที่สุด แต่เป็นกับเครื่องเกมพกพา (เช่น PS Vita หรือ 3DS) มากกว่า ส่วนเด็กที่อายุมากกว่านี้ก็เล่นเกมบนพีซี หรือเครื่องคอนโซลมากกว่า
อย่างไรก็ตามสัดส่วนของเด็กที่เล่นเกมบน iPad เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัวจากเมื่อปีก่อนที่มีเพียง 3% เพิ่มขึ้นเป็น 13% แล้วในปีนี้
เว็บไซต์ Technology Review ของสถาบัน MIT เปิดเผยว่า ไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาสไตลัส (stylus) ที่สามารถใช้ได้กับหน้าจอใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นหน้าจอที่รองรับการสัมผัสเพียงอย่างเดียว
หลักการทำงานของสไตลัสนี้คล้ายกับเมาส์ดิจิทัลแบบไร้สาย แต่จะใช้กล้องขนาดจิ๋วอ่านจำนวนกลุ่มพิกเซลบนหน้าจอแล้วส่งต่อให้คอมพิวเตอร์เพื่อติดตามการเคลื่อนที่ของไสตัสผ่านเครือข่ายไร้สายแทน
นโยบายให้พนักงานนำอุปกรณ์ไอทีของตนเองมาใช้งานในองค์กร (BYOD - bring your own devices) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่นั่นอาจทำให้ต้นทุนการบริหารจัดการเกี่ยวกับไอทีสูงขึ้นด้วย โดยบริษัทวิจัย Osterman เผยผลการวิจัยในองค์กรขนาดกลาง-ใหญ่ 117 แห่ง พบว่าผลจากการที่องค์กรให้พนักงานนำอุปกรณ์พกพาเข้ามาใช้ในที่ทำงานมากขึ้นนั้น ในปีที่แล้วจะต้องใช้เจ้าหน้าที่ไอทีสนับสนุนเฉลี่ย 2.9 คนต่ออุปกรณ์ 1,000 เครื่อง แต่ตัวเลขในปี 2012 นี้เพิ่มสูงเป็น 3.6 คนต่ออุปกรณ์ 1,000 เครื่อง และคาดว่าปีหน้า 2013 จะเพิ่มเป็น 4 คน
การสำรวจจากมหาวิทยาลัยซัลฟอร์ดในประเทศอังกฤษ ที่สำรวจผู้ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คกลุ่มเล็กๆ จำนวน 298 คน ได้ผลน่าตกใจว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คทำให้ความมั่นใจในตัวเองลดลง และยังพักผ่อนยากขึ้นอีกด้วย
กว่าครึ่งของการสำรวจที่ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างทวิตเตอร์ หรือเฟซบุ๊กบอกว่าทำให้ชีวิตของเขาแย่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความมั่นใจในตัวเอง เมื่อไปเปรียบเทียบกับความสำเร็จของบรรดาเพื่อนๆ ในโลกออนไลน์
นอกจากนี้ สองในสามยังบอกว่าไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เนื่องจากใช้เวลากับโซเชียลเน็ตเวิร์คมากไป และกังวลกับมันมากจนทำให้นอนไม่หลับ และกว่าครึ่งยังบอกว่ารู้สึกไม่สบายใจถ้าหากเข้าเฟซบุ๊ก หรืออีเมลไม่ได้อีกด้วย
แถวนี้มีใครเข้าข่ายแบบนี้บ้างไหมครับ ?
เว็บจองที่พักและตั๋วเครื่องบินสำหรับการเดินทาง Orbitz เผยว่าจากข้อมูลการจองห้องพักในอดีตโดยแยกกลุ่มผู้ใช้งานเป็นผู้ใช้แมคกับพีซี พบว่าผู้ใช้แมคมากกว่า 40% มีแนวโน้มจะจองห้องพักในโรงแรมระดับ 4-5 ดาวมากกว่าผู้ใช้พีซี และแม้เป็นการจองในโรงแรมเดียวกัน ผู้ใช้แมคก็มักเลือกพักห้องที่มีราคาแพงกว่าเมื่อเทียบกับผู้ใช้พีซี
มอร์แกน สแตนเลย์เปิดเผยผลสำรวจผู้ที่ต้องการซื้อแท็บเล็ตใหม่ โดยพบว่าผู้คนร้อยละ 25 มีแผนจะซื้อแท็บเล็ตรัน Windows 8 ซึ่งสูงกว่าผู้คนที่รอซื้อแท็บเล็ตรัน Android ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 22 ส่วนแพลตฟอร์มที่ผู้คนมีแผนจะซื้อมากที่สุดแบบไม่ต้องสงสัยคือแท็บเล็ตรัน iOS ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 46
แม้ว่าวัยรุ่นในยุคนี้จะมีความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือจากโลกดิจิทัลมากกว่าคนสมัยก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็มีบางเรื่องที่ถูกละเลยไปเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือการตั้งรหัสผ่าน
การวิจัยครั้งใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับการตั้งรหัสผ่านของนาย Joseph Bonneau จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ที่วิเคราะห์ข้อมูลรหัสผ่านจากผู้ใช้งาน Yahoo! กว่า 70 ล้านบัญชี ผลคือผู้ใช้ที่อายุมากกว่า 55 ปีมักจะตั้งรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูงกว่าผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 25 ปีถึงสองเท่าตัว
ทีมวิจัยจากญี่ปุ่นสร้างเครื่องส่งวิทยุความถี่ย่านความถี่สูงถึง 542GHz เป็นผลสำเร็จ และความสำเร็จนี้อาจจะเปิดให้เราใช้คลื่นย่านใหม่ๆ ได้ หลังจากที่การใช้งานทุกวันนี้มักจำกัดอยู่ที่เพดาน 300GHz เท่านั้น
การทะลุเพดาน 300GHz ทำให้เราสามารถเข้าใช้งานคลื่นในย่านที่เรียกว่า THF (Tremendously high frequency) โดยก่อนหน้านี้คลื่นที่เราใช้ประโยชน์เพื่อการสื่อสารสูงสุดนั้น คือ คลื่นในย่าน EHF (Extremely high frequency) ที่แม้จะมีการใช้งานอยู่บ้างแต่ก็เป็นการติดต่อระหว่างดาวเทียมนอกโลก โดยมันเป็นคลื่นย่านสุดท้ายก่อนจะเริ่มเป็นแสงอินฟราเรด
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆ การถูกจำกัดปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตก็เป็นเรื่องที่หลายคนไม่อยากประสบกับตัวเอง ที่น่าสนใจคือผลสำรวจจาก Marshini Chetty นักวิจัยจาก Georgia Tech’s School of Interactive Computing ได้เผยว่าการจำกัดปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตจะทำให้ผู้ใช้เกิดประสบการณ์ใช้งานที่ไม่ง่ายขึ้นมา
ไมโครซอฟท์ รีเสิร์ชได้เผยงานวิจัยที่เป็นการประยุกต์ใช้จอแอลซีดีเดิมเพื่อการแสดงผลแบบสามมิติ (stereo 3D display) โดยผู้ใช้ไม่ต้องใส่แว่นตาพิเศษเพื่อการรับชม และสามารถแสดงผลในสองมุมมองที่แตกต่างกันได้ เช่น ผู้เล่นเกมไพ่สองคนดูหน้าจอแท็บเล็ตเดียวกันโดยที่อีกฝ่ายมองไม่เห็นไพ่ของคู่แข่ง ใครนึกภาพไม่ออกลองคลิปวีดีโอนำเสนอได้ที่ท้ายข่าว
ไมโครซอฟท์ รีเสิร์ชได้เผยงานวิจัยนี้ที่งาน TechVista ประเทศอินเดีย ถัดจากจะนำไปโชว์ที่งาน CHI 2012 ต่อไป
ที่มา: Next at Microsoft
ก่อนหน้านี้เราได้เห็น TapSense จอสัมผัสที่สามารถแยกแยะได้ว่าวัตถุไหนที่มาสัมผัสกับหน้าจอ โดยใช้เสียงเพื่อช่วยแยกประเภท วันนี้ Disney Reseach ได้ออกมาโชว์ Touché (อ่านว่า "ทู-เช") เซนเซอร์รับสัมผัสที่เหนือขึ้นไปอีกว่านอกจากจะบอกได้ว่าเราใช้อะไรสัมผัส ยังบอกละเอียดขึ้นไปว่าใช้นิ้วกี่นิ้ว ท่าที่สัมผัส (จีบนิ้ว หรือกุมทั้งมือ) แถมยังใช้ได้กับวัตถุอย่างอื่นนอกเหนือจากจอสัมผัส แม้แต่ในน้ำ หรือกระทั่งร่างกายของเราก็ได้ด้วย
ในช่วงปีที่ผ่านมานี้มีบริการจ่ายเงินด้วยมือถือเกิดขึ้นในสหรัฐฯ กันบ้างแล้วทั้งรายใหญ่รายเล็กไม่ว่าจะเป็น Square, Google Wallet หรือ PayPal Here แต่ว่าจากผลการสำรวจของ Chris Hoofnagle และ Jennifer Urban สองนักศึกษาจาก University of California, Berkeley กลับพบว่าผู้คนในสหรัฐฯ ยังไม่พร้อมกับระบบจ่ายเงินด้วยมือถือเท่าไรนัก
จากการสำรวจทั้งสิ้น 1,203 คน มี 74% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่ายังไม่มีแผนจะเปลี่ยนไปใช้ระบบจ่ายเงินด้วยมือถือใดๆ ด้วยเหตุผลหลักทางด้านความเป็นส่วนตัว และอีกเกือบทั้งหมดระบุว่าไม่ต้องการแชร์ข้อมูลว่ามาที่ร้านนี้ (ประมาณว่าซื้อของในร้าน แล้วเด้งขึ้น Facebook)
ปัญหาเรื่องเว็บไซต์ร้านอาหารที่ไม่มี usability แล้วแถมยังทำหน้าเว็บด้วยแฟลชทั้งหมดยังคงตามหลอกหลอนเราทุกครั้งที่ต้องใช้งานอยู่เรื่อยไป จนมาถึงในขณะนี้ที่สมาร์ทโฟนได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของโลกเว็บไซต์แล้ว ร้านอาหารได้มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่ ?
จากผลการศึกษาของ Restaurant Science บริษัทวิจัย และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมร้านอาหารได้เผยว่ามีผู้เข้าเว็บไซต์ร้านอาหารจากมือถือมากถึงครึ่งหนึ่งของทั้งหมด แต่มีเพียงหนึ่งในแปดของแบรนด์อาหารแฟรนไชส์ และมีเพียงหนึ่งจากในสิบสองร้านอาหารส่วนตัวเท่านั้นที่มีหน้าเว็บไซต์มือถือของร้าน