Volkswagen ได้เปิดตัวคอนเซปต์รถยนต์ไฟฟ้า I.D. ในงาน Paris Motor Show มาแล้ว โดยโฆษณาว่าจะวิ่งได้ไกล 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียว รวมถึงอาจตั้งราคาได้ต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ และตอนนี้ทางบริษัทก็ได้ปล่อยภาพคอนเซปต์เกี่ยวกับตัวรถยนต์ในตระกูล I.D. ออกมาอีกครั้ง
นอกจากการเปิดเผยภาพคอนเซปต์ใหม่ Volkswagen ได้เผยด้วยว่าตัวรถยนต์ I.D. จะออกแบบไว้สำหรับรองรับการขับเคลื่อนอัตโนมัติในอนาคตด้วย โดยจะใช้งานระบบ Modular Electric Drive Kit (MEB) โดยออกแบบไว้ว่าถ้าผู้ใช้ต้องการเปิดใช้งานระบบ เพียงแค่แตะปุ่มโลโก้ Volkswagen ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติก็พร้อมทำงานทันที
สืบเนื่องจากกรณีที่ทางการรัฐแคลิฟอร์เนีย สั่งให้ Uber ระงับการทดสอบรถไร้คนขับ เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตนั้น ดูเหมือนล่าสุด Uber จะยอมถอยแล้ว แต่ไม่ใช่ถอยเพื่อรอใบอนุญาต แต่ถอยเกียร์ออกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย และหันไปทดสอบรถไร้คนขับในรัฐแอริโซนาแทน
BMW ผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนีประกาศพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับไปแล้วก่อนหน้านี้ ด้วยการอาศัยความร่วมมือกับ Intel และ Mobileye ก่อนที่ล่าสุดจะประกาศสร้างศูนย์พัฒนาระบบไร้คนขับและระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนรถยนต์ขึ้นมาโดยเฉพาะ ในย่าน Unterschleissheim ใกล้เมืองมิวนิคของเยอรมนี
ศูนย์แห่งนี้จะเริ่มเปิดใช้งานในช่วงกลางปี 2017 ซึ่งจะมีพื้นที่สำหรับทดสอบระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของรถยนต์ด้วย ขณะที่แผนการพัฒนารถไร้คนขับของ BMW ก็วางไว้ด้วยว่าจะเริ่มทดสอบวิ่งบนถนนจริงในปี 2017 เช่นกัน ก่อนที่จะเปิดตัวจริงในปี 2021
Waymo ชื่อใหม่ของโครงการรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิล มีรถยนต์รุ่นแรกที่ติดตั้งระบบควบคุมอัตโนมัติคือ Chrysler Pacifica ของบริษัท Fiat Chrysler แต่กูเกิลก็ยังบอกว่าจะเจรจาเป็นพันธมิตรกับบริษัทรถยนต์อีกหลายราย
ค่ายรถใหญ่รายล่าสุดที่เปิดเผยว่ากำลังคุยกับ Waymo คือ Honda โดยรูปแบบของความร่วมมือจะคล้ายกันคือนำรถยนต์ของ Honda มาติดตั้งระบบควบคุมอัตโนมัติของ Waymo เพิ่มเข้าไป
ไม่เพียงแต่จะทำผิดกฎหมายอย่างการฝ่าไฟแดงเท่านั้น รถยนต์ไร้คนขับของ Uber ยังถูกโจมตีจากสมาคมจักรยานในซานฟรานซิสโก (San Francisco Bicycle Coalition) ด้วยว่าไม่สามารถแยกแยะเลนจักรยานบนถนน ทำให้รถไม่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เวลาเลี้ยวขวาในถนนที่มีเลนจักรยาน
ตามกฎหมายของสหรัฐ การที่รถจะเลี้ยวขวาบนถนนที่มีเลนจักรยานอยู่ด้านขวานั้น ตัวรถจะต้องเข้าไปอยู่ในเลนจักรยานก่อนเลี้ยวขวา (ขวาสุดติดฟุตพาธ) โดยให้ทางกับจักรยานที่อยู่ในเลนก่อน แต่ทว่ารถไร้คนขับของ Uber กลับเลี้ยวขวาในเลนของตัวเองเลย ซึ่งเท่ากับว่าอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้ขับขี่จักรยาน
หลังจากที่มีการประกาศแยกตัวโครงการรถไร้คนขับออกมาตั้งเป็นบริษัทลูกภายใต้ Alphabet ในนามของ Waymo ล่าสุดได้เผยโฉมรถยนต์ไร้คนขับคันแรกของบริษัทแล้ว ซึ่งปรับแต่งมาจากรถยนต์มินิแวนไฮบริดรุ่น Chrysler Pacifica ที่เคยรายงานไปแล้วก่อนหน้านี้
ถึงแม้ Chrysler Pacifica จะเป็นรุ่นเดียวกับที่วางจำหน่ายในท้องตลาด แต่รถที่นำมาปรับแต่งเป็นรถไร้คนขับนั้น ถูกปรับแต่งใหม่ตั้งแต่โครงรถบางส่วน ระบบไฟฟ้า ระบบส่งกำลังและแชสซี เพื่อให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีของ Waymo
เบื้องต้น Chrysler Pacifica ที่ถูกนำมาทดสอบวิ่งมีทั้งหมด 100 คัน ไม่รวม Lexus ที่มีอยู่ก่อนเดิม
หลังขายสิทธิ์แบรนด์สมาร์ทโฟนให้ TCL BlackBerry เตรียมหันไปลงทุนในธุรกิจใหม่อย่างระบบรถยนต์ไร้คนขับและเตรียมเปิดศูนย์วิจัย ภายในพื้นที่ของ QNX ในเมืองออตคาวาอย่างเป็นทางการในแคนาดาในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่ง Justin Trudeau นายกรัฐมนตรีแคนาดาจะเดินทางไปร่วมงานนี้ด้วย
ทั้งนี้ใช่ว่า BlackBerry จะเป็นหน้าใหม่ในวงการรถยนต์เสียทีเดียว เพราะบริษัทลูกอย่าง QNX ที่ทำซอฟต์แวร์ฝังตัวก็หันมาเอาดีด้านซอฟต์แวร์รถยนต์มาซักระยะแล้ว โดยก่อนหน้านี้รถยนต์ไร้คนขับรุ่นทดสอบของ QNX ที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Waterloo และ Erwin Hymer Group บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ก็ได้รับการรับรองจากทางการแคนาดา ให้ทดสอบรถยนต์บนถนนแล้ว
ประเด็น Uber นำรถยนต์ไร้คนขับมาให้บริการในซานฟรานซิสโก โดยไม่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐยังเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิจารณ์ ฝั่งของ Uber เถียงว่าไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตเพราะมีคนนั่งหลังพวงมาลัยอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าระบบรถยนต์ไร้คนขับของ Uber ก็ผิดพลาดได้ โดยมีคลิปจากกล้องติดหน้ารถ (ของรถคันอื่น) จับภาพรถยนต์ของ Uber วิ่งฝ่าไฟแดงได้ โดยที่ไม่สนใจหรือชะลอเมื่อเจอสัญญาณไฟแดงเลย และยังไม่มีคำอธิบายว่าทำไมคนของ Uber ที่นั่งไปด้วยถึงไม่แตะเบรกตอนไฟแดง
นอกจากนี้ยังมีชาวเมืองซานฟรานซิสโกอีกคนหนึ่ง เล่าว่านั่งรถ Lyft (คู่แข่งของ Uber) และเจอรถไร้คนขับของ Uber ฝ่าไฟแดงจนเกือบชนรถยนต์ที่นั่งมาด้วยเช่นกัน
เมื่อเดือนกันยายน Uber เริ่มนำรถยนต์ไร้คนขับออกมาให้บริการในเมือง Pittsburgh เป็นครั้งแรก วันนี้ Uber ขยายบริการนี้มายังซานฟรานซิสโก (เมืองที่สำนักงานใหญ่ของ Uber ตั้งอยู่) โดยใช้รถยนต์รุ่น Volvo XC90 ที่ร่วมพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติร่วมกับ Volvo
ผู้ใช้ Uber ในซานฟรานซิสโกที่กดเรียก UberX มีโอกาสได้นั่งรถยนต์ไร้คนขับเหล่านี้ รถยนต์เหล่านี้จะให้บริการในราคาปกติ และมีทีมงานของ Uber นั่งไปด้วยเสมอ
The Information รายงานว่า Google ปรับทิศทางการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับขนาดเล็ก (รุ่นที่ไร้พวงมาลัยและเบรค) จากที่เคยผลิตเอง ก็หันไปร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ผลิตรถยนต์ พร้อมมีแผนเตรียมเปิดตัวบริการ Ride-Sharing โดยใช้รถยนต์อัตโนมัติภายในสิ้นปีหน้า
แหล่งข่าวของ The Information ระบุว่า Larry Page และ Ruth Porat CEO และ CFO ของ Alphabet เป็นคนผลักดันแนวคิดนี้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากมองว่าการผลิตรถไร้คนขับแบบไม่มีพวงมาลัยและเบรค ไม่สามารถทำได้จริง (impractical ซึ่งน่าจะหมายถึงขายไม่ออก ไม่ก่อให้เกิดรายได้ - ผู้เขียน) (อ่านเรื่องราวของ Ruth Porat และบทบาทในการจัดระเบียบการเงินของเธอเพิ่มเติมได้ที่ BrandInside)
ในระยะหลังเราเห็น NVIDIA ผู้ผลิตชิปกราฟิครายใหญ่เริ่มหันไปทำชิปด้านอื่นๆ มากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่ง รถไร้คนขับ ซึ่งล่าสุด NVIDIA ได้สร้างรถยนต์ไร้คนขับของตัวเองขึ้นมาทดสอบ และได้รับอนุญาตจากทางการรัฐแคลิฟอร์เนียให้ทดสอบวิ่งบนถนนจริงแล้ว
NVIDIA ได้ประกาศความร่วมมือกับ Baidu ในการพัฒนาแพลตฟอร์มไร้คนขับมาตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งถึงแม้รายละเอียดของความร่วมมือจะไม่มีมากนัก แต่ดูเหมือนว่า NVIDIA จะดูแลการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์และอัลกอริทึมเป็นหลัก ขณะที่ก่อนหน้าที่จะได้รับอนุญาตจากแคลิฟอร์เนีย NVIDIA อาศัยทดสอบวิ่งในสนามซ้อมหรือพื้นที่ปิดแต่เพียงอย่างเดียว
หลัง Chris Urmson อดีต CTO และวิศวกรหัวหอกของโครงการรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิล ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังคงวนเวียนอยู่กับวงการนี้ต่อไป เมื่อมีข่าวว่า Chris Urmson ได้จัดตั้งบริษัทสำหรับพัฒนาโซลูชันรถยนต์ไร้คนขับของตัวเอง
Recode ได้รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวจากหลายแหล่งที่ระบุว่า บริษัทของ Urmson นั้นจะเน้นไปที่การพัฒนาโซลูชันสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์และการจัดการข้อมูลต่างๆ ก่อนจะขายเทคโนโลยีนี้แบบ Full Package ให้กับบริษัทรถยนต์ที่สนใจนำไปปรับใช้กับรถของตัวเอง อย่างไรก็ตามอีกแหล่งข่าวก็ระบุว่า โครงสร้างของบริษัทอาจมีหลายรูปแบบและก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน
หลังจากที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานาน (ลือกันจนไม่คิดว่าน่าจะพลาดแล้วก็ว่าได้) ว่าแอปเปิลมีแผนจะพัฒนารถไร้คนขับ จนล่าสุดที่เปลี่ยนแผนมาพัฒนาซอฟต์แวร์แต่เพียงอย่างเดียว
ล่าสุดแอปเปิลได้ส่งจดหมายไปยังสำนักงานควบคุมความปลอดภัยจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (NHTSA) ยอมรับว่าสนใจพัฒนาระบบไร้คนขับอย่างเปิดเผยแล้ว โดยเนื้อความตอนต้นของจดหมาย แอปเปิลจะบุว่าบริษัทลงทุนด้าน Machine Learning และเครื่องจักรไปมาก และตื่นเต้นศักยภาพของเครื่องจักรอัตโนมัติในหลายด้าน รวมถึงการคมนาคมด้วย
หลังประกาศลงทุนในเทคโนโลยีรถไร้คนขับไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดทัศนะของซีอีโอ Intel เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการประกาศจัดตั้ง Automated Driving Group (ADG) องค์กรที่แยกตัวออกมาจาก Intel สำหรับพัฒนาโซลูชันไร้คนขับและระบบช่วยเหลือคนขับ (Driver Assist System) โดยเฉพาะ
องค์กรใหม่นี้ Intel ได้ดึงเอา Doug Davis ที่นั่งตำแหน่งรองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปของ IoT Group มานั่งเก้าอี้ในตำแหน่งเดียวกันของ ADG แทน พร้อมดึง Kathy Winter ผู้บริหารจาก Delphi มาเป็นผู้ช่วย ขณะเดียวกันก็แต่งตั้ง Tom Lantzsch อดีตรองประธานบริหารฝ่ายยุทธศาสตร์ของ ARM มาดูแลฝ่าย IoT แทน Davis
nuTonomy สตาร์ทอัพพัฒนารถไร้คนขับ ที่ประกาศนำรถมาทดสอบวิ่งให้บริการส่งคนเป็นที่แรกของโลกในสิงคโปร์ ได้ทำข้อตกลงกับทางการเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ในการนำรถไร้คนขับมาทดสอบวิ่งบนถนน
nuTonomy จะใช้รถยนต์ที่ดัดแปลงจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Renault Zoe ทดสอบวิ่งในย่านอุตสาหกรรมทางตอนใต้ของบอสตันในช่วงปลายปีนี้ โดยมีวิศวกรนั่งไปด้วย แต่จะไม่ได้มีบริการรับส่งคนเหมือนในสิงคโปร์ ขณะที่นายกเทศมนตรีของบอสตันระบุว่าข้อตกลงนี้ แสดงให้เห็นว่าบอสตันพร้อมจะเป็นอีกเมืองที่ผลักดันเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับชาวเมืองมากที่สุด
ตลาดรถยนต์ไร้คนขับ เป็นอีกตลาดที่บริษัทไอทีพยายามเข้าไปช่วงชิงเค้กก้อนใหญ่นี้ ผู้เล่นรายล่าสุดที่บุกเข้าไปคืออินเทล โดยจะเข้าผ่าน Intel Capital หน่วยลงทุนของบริษัทที่ประกาศงบลงทุนในสตาร์ตอัพด้านนี้ 250 ดอลลาร์ ในอีก 2 ปีข้างหน้า
Brian Krzanich ซีอีโอของอินเทล ระบุว่ารถยนต์ไร้คนขับมีอุปกรณ์เซ็นเซอร์และกล้องหลายชิ้น รวมแล้วเซ็นเซอร์เหล่านี้จะผลิตข้อมูลปริมาณมหาศาล 4TB ต่อวัน รถยนต์หนึ่งคันจะผลิตข้อมูลเทียบเท่ากับคน 3,000 คน โจทย์ใหญ่อันนี้เป็นสิ่งที่โลกไอทีต้องรับมือให้ได้ เราสามารถมองได้ว่า "ข้อมูล" ในยุคนี้มีความสำคัญเทียบเท่ากับ "น้ำมัน" ในยุคก่อน (data is the new oil)
ผู้บริหารของ BMW และ Baidu ประกาศยุติความร่วมมือระหว่างบริษัทเพื่อทำการวิจัยร่วมกันในเรื่องรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
Wang Jing หัวหน้าฝ่ายพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ Baidu กล่าวว่า ตอนนี้ทางบริษัทนั้นใช้รถยนต์จาก Lincoln ของ Ford ในการทดสอบในสหรัฐฯ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม บอกเพียงว่าบริษัทยังคงเปิดกว้างกับพาร์ทเนอร์รายอื่น ๆ อยู่ และตัวเขาเองก็คุยกับหลายบริษัทอยู่
การที่ทั้งสองบริษัทเลือกที่จะจบความร่วมมือกันนั้น เนื่องมาจากการทดสอบในสหรัฐฯ และจีน โดยทั้งสองบริษัทต้องการทางเลือกที่ต่างกันในการดำเนินการวิจัย โดย Olaf Kastner ซีอีโอของ BMW ประเทศจีนกล่าวว่า ทั้งสองบริษัทนั้นมีเส้นทางการพัฒนาที่แตกต่างกัน และมีไอเดียที่ต่างกันเล็กน้อย
รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศอนุญาตให้รถไร้คนขับมาทดสอบวิ่งบนถนนได้ในช่วงระหว่างเดือนกันยายน 2017 ถึงเดือนมีนาคม 2019 เพื่อกระตุ้นและผลักดันเทคโนโลยีไร้คนขับให้มากยิ่งขึ้น
ในการนี้รัฐบาลญี่ปุ่นเล็งจะเชิญบริษัทเทคโนโลยีและรถยนต์ทั้งต่างชาติและท้องถิ่น รวมถึงห้องวิจัยและมหาวิทยาลัยที่พัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวมาร่วมทดสอบ
โครงการทดสอบวิ่งนี้จะครอบคลุมทางหลวงทั้งในย่านตัวเมืองของกรุงโตเกียวและเส้นที่วิ่งออกจากโตเกียวเป็นระยะทางราว 300 กิโลเมตร, ถนนรอบอ่าวโตเกียว และถนนเส้นพิเศษที่กำลังสร้างสำหรับทดสอบรถไร้คนขับโดยเฉพาะ
Google เปิดเผยรายงานการทดสอบรถไร้คนขับประจำเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมอัพเดตความสามารถใหม่ของรถ ที่สามารถกลับรถแบบ 180 องศาในถนนแคบหรือแบบ Three-Point Turns ได้แล้ว
Google ระบุว่าการกลับรถแบบนี้สำหรับคนแล้วค่อนข้างยาก เนื่องจากคนขับมองไม่เห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวรถทั้งหมด ขณะที่รถไร้คนขับจะได้เปรียบกว่าจากกล้อง 360 องศาและการตรวจจับวัตถุรอบคันทั้งถังขยะและรถคันอื่นที่จอดอยู่ ซึ่ง Google บอกด้วยว่าตัวรถและซอฟต์แวร์ได้ฝึกซ้อมการกลับรถแบบนี้กว่า 1,000 ครั้งในทุกๆ สัปดาห์
สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) สร้างรถสกูตเตอร์ขนาดเล็กที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ให้ผู้ใช้เดินทางในสนามบิน หรือแม้แต่ในห้าง โดยทาง MIT ร่วมมือกับนักวิจัยสิงคโปร์สร้างระบบในรถไร้คนขับ ที่นอกจากจะใส่ในรถยนต์ขนาดทั่วไปแล้ว ยังใส่ในยานพาหนะขนาดเล็กเช่นรถกอล์ฟ และสกูตเตอร์อีกด้วย
เบื้องต้นตัวสกูตเตอร์ทดลองใช้ภายในอาคารก่อน หากทดลองระบบจนเสถียรเต็มที่แล้ว จะขยายพื้นที่ให้วิ่งในสวน หรือลานจอดรถ การทดสอบมาพร้อมกับความท้าทายที่สำคัญสำหรับระบบโมดูลาร์ นักวิจัยใช้ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์และยานพาหนะซึ่งเคยทำมาก่อนในรถกอล์ฟ หากอัลกอริทึมดีขึ้น มีการเรียนรู้ดีขึ้น ก็จะสามารถถ่ายโอนไปยังพาหนะอื่นได้ ซึ่งในที่นี้คือ สกูตเตอร์
BlackBerry ได้ทำข้อตกลงร่วมกับ Ford ในการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในรุ่นแรก โดย BlackBerry ได้ส่งทีมวิศวกรเพื่อทำงานร่วมกับ Ford ในการรวมซอฟต์แวร์ BlackBerry เข้ากับตัวรถยนต์ในอนาคต โดยมีซอฟต์แวร์ทั้งระบบปฏิบัติการ QNX Nutrino, เทคโนโลยีความปลอดภัย Certicom และซอฟต์แวร์ประมวลผลเสียง
แผนเรื่องรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Ford นั้นถือว่าค่อนข้างใหญ่พอสมควร โดยทางบริษัทวางแผนขายแท็กซี่ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ 1 แสนคันต่อปีให้กับบริการเรียกรถในปี 2021 และจะขายรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติให้ผู้ใช้ทั่วไปในปี 2025 ซึ่งทาง Ford ต้องการพนักงานทำงานในด้านนี้มากขึ้น
Otto สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีรถไร้คนขับที่ถูก Uber ซื้อไป ประสบความสำเร็จในการนำรถบรรทุกไร้คนขับมาวิ่งเชิงพาณิชย์ครั้งแรก ด้วยการขนส่งเบียร์ Budweiser ทั้งหมด 51,744 กระป๋องจาก Fort Collin ไปยัง Colorado Springs
ภายในรถมีคนขับนั่งไปด้วยตอนออกจากโรงงาน Budweiser ก่อนที่คนขับจะกดปุ่ม 'Engage' สำหรับเปิดโหมดไร้คนขับเมื่อวิ่งเข้าสู่ทางหลวงและไปนั่งสังเกตการณ์ชิลๆ บริเวณด้านหลัง ขณะที่ข้างๆ ปุ่ม Engage เป็นปุ่มแดงสำหรับหยุดระบบไร้คนขับฉุกเฉิน โดย Otto ระบุว่าเทคโนโลยีไร้คนขับบนรถบรรทุกนี้อยู่ในระดับ 4 จากมาตรวัด 5 ระดับ (วิ่งได้เองโดยสมบูรณ์ แต่จำกัดเฉพาะบางพื้นที่หรือช่วงถนน) และจะทำงานเมื่อรถอยู่บนทางหลวงเท่านั้น
สิงคโปร์เตรียมทดลองใช้รถบัสไร้คนขับ ขนาดใหญ่ จุได้ 80 คน เป็นจำนวน 2 คัน วิ่งให้บริการในเขตพื้นที่ Jurong ทางตะวันออก ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Nanyang Technological University
รถบัสจะให้บริการตรงมหาวิทยาลัยและพื้นที่ใกล้เคียงในเขต CleanTech Park รวมระยะประมาณ 1 ไมล์ โดยทีมงานกำลังพิจารณาให้รถวิ่งบริการตามสถานีรถไฟ ซึ่งระยะทางให้บริการจะเพิ่มเป็น 5 ไมล์ ส่วนการชาร์จพลังงานจะชาร์จไฟฟ้าตามสถานีรถไฟหรือรถเมล์
สืบเนื่องจากที่ Tesla ออกมาประกาศว่า ฮาร์ดแวร์ของรถยนต์ที่ถูกผลิตตั้งแต่ตอนนี้ รองรับระบบไร้คนขับแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งถึงแม้จะต้องรออีกหลายปีกว่าซอฟต์แวร์จะพร้อม แต่บริษัทก็ออกมาประกาศกั๊กเจ้าของรถที่หัวใสแล้วว่า ห้ามนำระบบไร้คนขับของ Tesla ไปหารายได้ด้วยการรับส่งคนภายใต้บริการอย่าง Uber หรือ Lyft
วันนี้ Tesla ประกาศความคืบหน้าบนเส้นทางที่รถยนต์จะเข้าสู่การขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (fully-autonomous) ว่าตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป รถยนต์ Tesla ทุกรุ่นทุกคันจะมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ที่รองรับการขับอัตโนมัติมาจากโรงงานเลย และยืนยันว่าจะมีความปลอดภัยมากกว่ามนุษย์ขับเอง
ฮาร์ดแวร์ใหม่ดังกล่าวมีกล้องทั้งหมด 8 ตัว ติดตั้งอยู่รอบตัวรถ ทำให้รถมองเห็นทุกอย่างรอบตัวแบบ 360 องศา และสามารถมองไปได้ไกลสุด 250 เมตร นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกรุ่นใหม่อีก 12 ตัว ช่วยให้ตรวจจับวัตถุทั้งนุ่มและแข็งได้ดีกว่าระบบเดิมเกือบ 2 เท่า อีกทั้งยังติดตั้งเรดาร์ยิงไปด้านหน้ารถที่ช่วยให้มองเห็นทะลุฝนตกหนัก, หมอก, ฝุ่น หรือแม้กระทั่งรถยนต์ที่อยู่ด้านหน้า