Google ประกาศข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่ากำลังจะตั้งศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับแห่งใหม่ในเขตเมือง Novi ห่างจากเมือง Detroit ออกไปราว 50 กิโลเมตร
ช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ มีวิศวกรของ Google หลายคนที่ทำงานจากระยะไกลจาก Detroit เพื่อร่วมพัฒนารถยนต์ไร้คนขับกับทีมที่สำนักงานใหญ่ใน California ด้วยเหตุนี้ Google จึงตัดสินใจจัดตั้งศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับที่เมือง Novi นี้เพื่อให้ทีมงานทำงานกันได้สะดวกมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การตั้งศูนย์ในละแวก Detroit เช่นนี้ ทำให้ Google มีโอกาสหาความร่วมมือจากคนเก่งๆ ในวงการรถยนต์จากอดีตเมืองหลวงแห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ค่อนข้างตรงกันข้ามกับท่าทีของฝั่งสหรัฐ ที่ยอมรับรถไร้คนขับของ Google ในฐานะผู้ขับขี่ในทางปฏิบัติ (ข่าวเก่า) หลัง National Police Agency (NPA) ของรัฐบาลญี่ปุ่นออกคู่มือ (guideline) ที่ว่าด้วยรถไร้คนขับฉบับแรก ห้ามรถไร้คนขับมาทดสอบวิ่งบนถนนโดยไม่มีคนนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
คู่มือระบุด้วยว่าควรที่จะมีการติดตั้งกล่องดำ (black boxes) ไว้บนรถ เพื่อบันทึกข้อมูล และสืบหาต้นสายปลายเหตุ กรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น
หลังจาก Uber เผยแพร่ภาพแรกของรถขับเคลื่อนอัตโนมัติมาได้ไม่นานล่าสุดที่ Pittsburgh มีการทดลองให้รถ Ford Fusion รุ่นไฮบริดวิ่งในตัวเมืองอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจาก Uber ทดลองใช้อย่างไม่เป็นทางการมา 2-3 อาทิตย์ และผลคือไร้อุบัติเหตุ
OTTO บริษัทสตาร์ทอัพที่พนักงานแต่ละท่านมีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา เตรียมเสนอเครื่องมือ เทคโนโลยีใช้ในรถบรรทุกไร้คนขับ หวังช่วยลดอุบัติเหตุ และพัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงานขับรถบรรทุก
เครื่องมือที่จะติดตั้งเพิ่มเติมประกอบด้วย กล้อง เรดาร์ และเซนเซอร์ที่ช่วยให้รถบรรทุกสามารถวิ่งอยู่เฉพาะในเลนถนนที่กำหนดไว้ตามกฎจราจร เพิ่ม ลด ความเร็วตามที่จำเป็น
NXP Semiconductors ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ประกาศลุยตลาดชิปสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยเปิดตัวแพลตฟอร์มชื่อ BlueBox Engine เพื่อให้บริษัทรถยนต์นำไปใช้งาน
BlueBox ประกอบด้วย
ที่การประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของ BMW ในปีนี้ Harald Krueger ซีอีโอของบริษัทออกมาระบุว่า เตรียมที่จะเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับในอนาคตที่พัฒนาต่อมาจาก BMW i8 ในปี 2021 โดยมีชื่อเรียกในตอนนี้ว่า BMW i Next
Krueger ระบุว่ารถดังกล่าวจะมีคุณสมบัติในการขับได้เอง เชื่อมต่อด้วยระบบดิจิทัล การออกแบบที่บางเบา การตกแต่งภายในแบบใหม่ และนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้งานอย่างเต็มที่
อนึ่ง ปกติแล้ว BMW มักใช้ชื่อ Next สำหรับโครงการที่เป็นอนาคตมากๆ ตัวอย่างเช่นรถยนต์ต้นแบบ Vision Next 100 ที่เคยจัดแสดงไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ผู้ช่วยเลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยในงานนิทรรศการด้านความมั่นคงและการต่อต้านการก่อการร้ายที่จัดขึ้นในกรุงลอนดอนว่า ฝ่าย R&D ของกลุ่มรัฐอิสลาม กำลังใช้โรงงานผลิตระเบิดในเขตประเทศซิเรีย เป็นฐานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับอยู่ในขณะนี้ และระบุว่าหากทำได้สำเร็จ อาจช่วยลดการสูญเสียกำลังคนในการก่อเหตุของกลุ่มก่อการร้ายได้ค่อนข้างมาก ซึ่งทางนาโต้จะคอยจับตาและสืบหาข่าวกรองมากยิ่งขึ้น
การเปิดเผยขององค์การนาโต้ครั้งนี้ สอดรับกับความกังวลที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่า รถไร้คนขับจะกลายเป็นเครื่องมือของการก่อการร้าย และจะสร้างความยากลำบากให้แก่ทางการในการป้องกันและติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมากยิ่งขึ้น
Barrie Kirk ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในรถยนต์กล่าวกับสื่อของแคนาดาว่าในอนาคตเมื่อมีรถยนต์ไร้คนขับแพร่หลายเมื่อไร อัตราการมีเพศสัมพันธ์บนรถยนต์ก็จะสูงขึ้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อสมองกลต้องการการตัดสินใจอย่างฉับพลันจากคนขับที่ไม่ได้จดจ่อกับเส้นทางก็อาจจะเกิดปัญหาได้ ในกรณีนี้ทางการแคนาดาจึงกำลังพิจารณาให้มีกล่องดำช่วยบันทึกเหตุการณ์หากมีอุบัติเหตุ
ข่าวไม่ได้บอกว่าเหตุใดผู้เชี่ยวชาญถึงออกมาให้ความเห็นว่าต้องเป็นเรื่องเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่ในอดีตที่ผ่านมามีการออกแบบรถยนต์ให้เอื้อต่อการทำกิจกรรมแบบนั้นอยู่บ้างในบางตลาดเช่นออสเตรเลีย
ที่มา - The Register
Google ประกาศความร่วมมือกับ Fiat Crhysler บริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาเลียนอเมริกัน เพื่อพัฒนารถมินิแวนไร้คนขับ ซึ่งนับเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายที่ 2 ถัดจาก Ford ที่จับมือกับ Google
ความร่วมมือครั้งนี้ Google ยังคงมีอิสระในการพัฒนาและทดสอบรถไร้คนขับ ขณะเดียวกับก็ยังคงสามารถจับมือกับผู้ผลิตเจ้าอื่นเพิ่มเติมได้ ส่วนทาง Fiat จะได้ know-how และการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่นี้แลกเปลี่ยน แต่สิทธิของเทคโนโลยียังคงอยู่ที่ Google เจ้าเดียว
ความร่วมมือนี้นับเป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ของ Sergio Marchionne ซีอีโอ Fiat Crysler ที่มองว่าบริษัทควรที่จะร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ไอทีที่กระโดดเข้ามาในวงการรถยนต์อย่าง Google และ Apple มากกว่าที่จะแข่งขันกัน เนื่องจากที่ผ่านมาอุตสาหกรรมรถยนต์สูญเสียทรัพยากรไปมาก ในการพัฒนารถไร้คนขับ ขณะเดียวกับ Fiat เองก็ไม่มีทรัพยากรเพียงพอจะไปแข่งกับ Google, Apple หรือแม้แต่ผู้ผลิตรถเจ้าอื่นอย่าง GM และ Toyota
ที่มา - Bloomberg
กระบวนการขับเคลื่อนให้รถยนต์ไร้คนขับ ให้กลายเป็นที่ยอมรับทั้งในเชิงกฎหมายและสังคมในสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Google ได้จับมือกับ Ford, Volvo, Uber และ Lyft จัดตั้งกลุ่ม Self-Driving Coalition for Safer Streets ในการทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อผลักดันร่างกฎหมาย รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนและภาคส่วนอื่นๆ เกี่ยวกับรถไร้คนขับให้มากยิ่งขึ้น
ให้หลังการออกข่าวเรื่องแผนการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับในประเทศจีนมาไม่นาน ล่าสุด Volvo ออกมาประกาศว่าเตรียมจะทำการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับในสภาพการจราจรจริงบนถนนใน London ประเทศอังกฤษปีหน้าด้วย
Volvo ตั้งชื่อโครงการทดสอบนี้ว่า 'Drive Me London' ซึ่งจะมีการคัดเลือกผู้โชคดีที่จะรับโอกาสทดลองใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของรถยนต์ Volvo จำนวน 100 คัน บนถนนที่ได้รับอนุญาตใน London โดยในระหว่างที่รถอยู่ในโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้น Volvo ก็จะทำการเก็บข้อมูลไปด้วยว่ารถมีการทำงานและตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ อย่างไร
เพื่อผลักดันเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับให้เป็นที่ยอมรับ และเพื่อให้การประสานงานกับหน่วยงานอื่นมีความชัดเจน กลุ่มบริษัทอันประกอบไปด้วย Google, Volvo, Ford, Uber และ Lyft ได้ประกาศรวมตัวกันเป็นพันธมิตรเพื่อประสานความร่วมมือกันเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
เป้าหมายของการจับมือกันในครั้งนี้คือ "ทำงานร่วมกับผู้ออกกฎหมาย, ผู้ควบคุมบังคับใช้กฎหมาย, และสาธารณชนให้ตระหนักถึงคุณประโยชน์ด้านความปลอดภัยและด้านสังคมของพาหนะไร้คนขับ"
ทางการจีนกำลังร่างแผนโร้ดแมพที่จะใช้เป็นแม่บทกำกับงานพัฒนาทั้งเทคโนโลยี, กฎหมาย และระบบพื้นฐานให้รองรับการใช้งานรถยนต์แบบไร้คนขับได้จริงภายในปี 2025 โดยงานนี้ได้รับการผลักดันจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน
Li Keqiang ศาสตราจารย์วิศวกรรมยานยนต์แห่ง Tsinghua University ซึ่งเป็นประธานร่างแผนดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ว่าแผนโร้ดแมพนี้จะประกาศอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ โดยในระยะสั้นจะพัฒนารถยนต์ไร้คนขับให้ใช้งานบนทางด่วนได้สำเร็จภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ส่วนรถยนต์ไร้คนขับสำหรับเขตชุมชนนั้นจะเป็นไปตามกรอบเวลาที่ระบุไว้ข้างต้นคือในปี 2025 ซึ่งเมื่อการร่างแผนนี้แล้วเสร็จ จะมีการเปิดฟังความเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐอื่นๆ เพื่อขอความเห็นชอบในการประกาศใช้แผนนี้ต่อไป
เราเห็นข่าว Baidu เตรียมทดสอบรถอัตโนมัติในสหรัฐ กันมาได้สักพัก ล่าสุดบริษัทตั้งศูนย์วิจัยรถไร้คนขับในเมือง Sunnyvale รัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองเดียวกับสำนักงานใหญ่ของ Yahoo และอยู่ติดกับเมือง Mountain View สำนักงานใหญ่ของกูเกิล
บริษัทเรียกทีมวิจัยนี้ว่า Autonomous Driving Unit (ADU) คาดว่าจะจ้างวิศวกรและนักวิจัยมาร่วมทีมมากถึง 100 คนภายในปีนี้ บริษัทยังได้ Liang Heng วิศวกรด้านรถยนต์ไร้คนขับจาก Tesla Motors มาร่วมทีมในฐานะ Software Architect ด้วย ส่วน Jing Wang หัวหน้าทีม ADU ก็เคยทำงานกับกูเกิลมาก่อน
สำนักงานตำรวจญี่ปุ่น (National Police Agency - NPA) ออกร่างแนวทางการทดสอบรถอัตโนมัติเพื่อรับฟังความคิดเห็น ใจความสำคัญคือการทดสอบรถอัตโนมัติบนถนนจริงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตล่วงหน้า
ประกาศฉบับนี้มีข้อบังคับจริงๆ ไม่มากนักและส่วนมากเป็นข้อแนะนำที่ไม่ต้องทำตามก็ได้เป็นส่วนใหญ่ ข้อบังคับเช่น รถต้องมีเสียงเตือนเมื่อกำลังเปลี่ยนจากการควบคุมด้วยมนุษย์เป็นระบบอัตโนมัติ และรถทดสอบต้องมีผู้โดยสารนั่งไปด้วยอีกหนึ่งคนนอกจากตัวคนขับเอง
ข้อแนะนำ เช่น ให้มีการทดสอบในสนามปิดก่อน และค่อยๆ ทดสอบจากพื้นที่ที่รถไม่หนาแน่น, รถต้องมีการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์, คนขับควรเซ็นยินยอมรับผิดหากเกิดอุบัติเหตุ ข้อแนะนำเหล่านี้หากไม่ได้ทำตามทางตำรวจแนะนำให้ปรึกษาตำรวจล่วงหน้า
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐฯ (NHTSA) ได้ประกาศจะออกคำแนะนำว่าด้วยการใช้งานรถยนต์ไร้คนขับอย่างปลอดภัย (Guidance on the safe deployment and opperation of autonomous vehicles) ภายในกลางปีนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับต่อไปในอนาคต ซึ่งกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ก็ออกมาเตือน NHTSA ว่ายังเร็วเกินไป
กลุ่ม Association of Global Automakers ชี้แนะต่อ NHTSA ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ว่า การกำหนดเดดไลน์เพื่อออกคำแนะนำภายในช่วงกลางปีนี้ยังเร็วไป และอาจทำให้การวิเคราะห์นโยบายเกี่ยวกับรถไร้คนขับต่างๆ ไม่มีความถี่ถ้วนและสมบูรณ์พอ
Volvo ประกาศแผนเตรียมทดสอบรถยนต์ไร้คนขับในประเทศจีน โดยจำนวนรถที่จะใช้ทดสอบอาจมีมากถึง 100 คัน
สำหรับระบบรถยนต์ไร้คนขับของ Volvo นั้นไม่ใช่ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบอย่างเช่นรถของ Google หรือรถของ nuTonomy ที่เตรียมให้บริการแท็กซี่ในสิงคโปร์ แต่เป็นระบบขับอัตโนมัติที่จะแจ้งเตือนผู้ใช้ว่าพร้อมทำงานเมื่อรถวิ่งอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม เช่น บนทางด่วนหรือวิ่งในเขตนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานระบบที่ว่านี้แล้ว ผู้ขับขี่สามารถละมือและพักสายตาจากการขับขี่แล้วปล่อยให้รถเคลื่อนที่ไปเองได้
Google กำลังจะนำรถยนต์ไร้คนขับไปทดสอบใน Phoenix รัฐ Arizona ถือเป็นเมืองที่ 4 ที่ Google จะได้เอารถที่พวกเขาพัฒนาไปวิ่งทดสอบบนถนนจริง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เอารถไปวิ่งทดสอบฝ่าทะเลทรายตรงๆ แต่โอกาสในการนำรถไร้คนขับไปวิ่งทดสอบใน Phoenix นั้นหมายถึง Google จะได้รู้แน่ชัดว่าเซ็นเซอร์และระบบต่างๆ ในรถของพวกเขาจะเป็นอย่างไรในสภาพอากาศที่มีฝุ่นทรายมากกว่าและร้อนกว่า California ซึ่งเป็นรัฐที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Google และเป็นที่ที่พวกเขาได้โอกาสทดสอบรถยนต์ไร้คนขับมากที่สุดเป็นระยะทางถึง 1.5 ล้านไมล์
ขบวนรถบรรทุกไร้คนขับนับสิบคันจากผู้ผลิตหลายรายทำการวิ่งทดสอบผ่านหลายประเทศในยุโรปตะวันตกได้สำเร็จ ถือเป็นการแสดงความก้าวหน้าอีกขั้นของเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับที่เข้าใกล้การใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ
บรรดารถบรรทุกเหล่านี้ต่างฝ่ายต่างวิ่งออกจากฐานของตนเองมารวมตัวกันที่ Rotterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ European Truck Platooning Challenge ซึ่งเป็นการจัดขบวนรถบรรทุกวิ่งโชว์เพื่อแสดงเทคโนโลยีไร้คนขับ งานนี้จัดขึ้นโดยรัฐบาลของเนเธอร์แลนด์ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการรับบทบาทประธานสหภาพยุโรปในปีนี้
GM ยักษ์ใหญ่ของวงการรถยนต์สหรัฐ จับมือ Mobileye บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับสัญชาติอิสราเอล ในการจัดทำฐานข้อมูลกลางเพื่อเก็บข้อมูลถนนสำหรับรถยนต์ไร้คนขับในอนาคต โดยให้รถยนต์ของ GM ที่ติดตั้งกล้องหน้าและรองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE อัพโหลดภาพรายละเอียดบนถนน อาทิ สัญญาณไฟจราจร ป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ไปยังฐานข้อมูลกลาง ฐานข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบของรถยนต์ไร้คนขับ อาทิ เมื่อไม่สามารถอ่านป้ายได้ชัดเจน เป็นต้น
Mobileye กล่าวว่า ระบบ Road Experience Management ของบริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลถนนโดยใช้ข้อมูลเพียง 10 กิโลไบต์ ต่อระยะทางหนึ่งกิโลเมตร ซึ่งช่วยลดโหลดของการอัพโหลดข้อมูลสู่ระบบกลาง และให้ข้อมูล ณ สถานที่ในความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 10 ซม. ซึ่งแม่นยำกว่า GPS เสียอีก
ไมโครซอฟท์ร่วมกับ IAV บริษัทรับพัฒนาสินค้าให้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ พัฒนาระบบ Connected Highly Automated Driving (CHAD) ที่เชื่อมต่อระหว่างรถไร้คนขับกับอุปกรณ์อื่นโดยรอบ อาทิ สมาร์ทโฟน หรือสายรัดข้อมืออัจฉริยะ ตามแนวทางการสื่อสารแบบ Vehicle-2-X (V2X) และใช้ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุกับรถยนต์คันอื่นหรือคนเดินถนนและเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง