เราอาจคุ้นเคยกับโฆษณาชุด Switch ของแอปเปิลที่ชวนให้คนย้ายจากวินโดวส์มาใช้แมค แต่เวลาผ่านมาหลายปี โลกเปลี่ยนไป วันนี้ไมโครซอฟท์เริ่มขาย Surface Book และ Surface Pro 4 ในสหรัฐ ซึ่งมาพร้อมกับเว็บเพจแนะนำข้อมูล Making the switch ว่าถ้าอยากย้ายจาก MacBook มาใช้ Surface Book ต้องทำอย่างไรบ้าง

เอกสารของไมโครซอฟท์แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่

GitHub เผยแพร่เครื่องมือสร้างแอพบนเดสก์ท็อปนามว่า Electron ให้เหล่านักพัฒนานำไปเล่นกันแล้วครับ

แอพที่สร้างด้วย Electron จะถูกขับเคลื่อนด้วย Node.js และ HTML5 แล้วนำไปแสดงผลผ่าน Chromium อีกต่อหนึ่ง เนื่องจากพื้นฐานของแอพที่อยู่บนเทคโนโลยีเว็บทั้งหมด ทำให้แอพที่สร้างขึ้นสามารถนำไปใช้บนแพลตฟอร์มหลักๆ ทั้งหมดที่รองรับเว็บได้ทันที

ถึงแม้เทคโนโลยีหลักที่ขับเคลื่อนแอพจะวางรากฐานมาจากเว็บ แต่ Electron ก็ไม่ได้จำกัดความสามารถเพียงเท่านั้น แอพที่สร้างสามารถเรียกใช้ API ในระดับ OS ได้ด้วย เช่น เรียกไฟล์ล่าสุดที่มีการแก้ไข (recent file) หรือสั่งเล่นเพลงผ่านตัวควบคุมสื่อ (media playback)

ทุกวันนี้เวลาเราต้องการทำธุรกรรมที่มีความสำคัญ เช่น อายัดบัตรเครดิต หรือเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ธนาคารมักขอข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลการใช้งานเพื่อตรวจสอบ ทาง Capital One เสนอแนวทางใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อยืนยันตัวตนแทน เรียกบริการนี้ว่า SwiftID

แนวทางของ SwiftID คือการผูกบัญชีลูกค้าเข้ากับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต จากนั้นเมื่อบริการของธนาคารต้องการการยืนยันตัวตนจากลูกค้า เช่น มีการขอทำธุรกรรมที่สำคัญ หรือมีการใช้งานผิดปกติเช่นการใช้บัตรเครดิตจากต่างประเทศ ทางธนาคารจะส่งข้อความเข้าไปยังแอปให้ลูกค้ากดยืนยันว่าตนเองเป็นผู้ใช้งาน

โมดูล ESP8266 ถูกใช้เป็นโมดูลเดี่ยวโดยไม่มีชิปภายนอกมากขึ้นในช่วงหลัง แต่ข้อเสียสำคัญคือจำนวน I/O โดยเฉพาะอนาล็อกที่มีเพียงขาเดียว A.I. Thinker ออกโมดูล ESP-14 ประกบชิป STM8 (datasheet - PDF) เข้ากับ ESP8266 ได้ขาอ่านค่าอนาล็อกเพิ่มมาอีก 5 ขา

รายละเอียดทางเทคนิค รวมถึงการโปรแกรมชิปทั้งสองตัวยังไม่ชัดเจนนัก ตัวโมดูลต่อขาสำหรับปรับโหมดการทำงานของ ESP8266 มาให้ แต่ขาอื่นๆ ระบุว่าเป็นขาที่ต่อออกมาจาก STM8 ถ้าใครต้องการใช้โมดูลอนาล็อกเยอะๆ คงน่าสนใจ แต่คงต้องเตรียมแกะลายวงจรกันว่าภายในเชื่อมต่อกันอย่างไร

Google ปล่อยอัพเดตให้กับ Play Store เพิ่มฟีเจอร์รองรับการใช้ลายนิ้วมือ เพื่อยืนยันตนก่อนใช้จ่ายภายในสโตร์แล้ว จากเดิมที่ต้องใส่แอคเคาท์ของ Google เพียงอย่างเดียว เพื่อรองรับการมาของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบน Nexus รุ่นใหม่

แน่นอนว่าฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะบนแอนดรอยด์ 6.0 Marshmallow และเครื่องที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเท่านั้น โดยฟีเจอร์นี้จะถูกปิดเป็นค่าดีฟอลต์ และผู้ใช้ต้องไปเปิดตัวเลือกนี้ในหัวข้อ User Control ในหน้า Setting ของ Play Store

ที่มา - Android Police

หลังการวางจำหน่ายตัวเกมอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลายๆ เว็บไซต์เกมที่ปล่อยรีวิว ได้มีการลงประโยคสำคัญไว้ประโยคหนึ่งโดยระบุเป็นนัยๆ ว่า "Ubisoft น่าจะแยก "ส่วนนั้น" ออกมาเป็น DLC ขายเพิ่ม" เลยทำให้เกิดความสงสัยกับหลายๆ คนที่ได้อ่านรีวิวว่าส่วนที่ว่านั้นคืออะไร

ล่าสุดก็มีการค้นพบแล้วว่าส่วนที่ถูกพูดถึง คือ Side Mission พิเศษที่มีชื่อว่า "World War I: The Darkest Hours" ซึ่งเป็นเรื่องราวคู่ขนานที่ Juno ต้องการแสดงให้เราได้เห็นถึงความโหดร้ายที่แท้จริงของมนุษยชาติ โดยยกเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 มาเล่าเป็นภารกิจพิเศษความยาว 2-3 ชั่วโมง

แม้ว่าจะมีอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้อยู่ในตลาดจำนวนมาก แต่แทบทุกเจ้าก็ประสบอุปสรรคคล้ายกันคือระยะเวลาการใช้งานที่สวนทางกับฟีเจอร์ อันเนื่องมาจากความจุแบตเตอรี่อันจำกัดจำเขี่ยในบรรดาสมาร์ทแบนด์ และสมาร์ทวอทช์ต่างๆ

และก็เป็นซัมซุงเจ้าเก่าที่ออกมาเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่สำหรับบรรดาอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้โดยเฉพาะในชื่อ Stripe และ Band หรือสายรัดที่มีแบตเตอรี่ในตัว ที่นอกจากจะขนาดเล็กไม่ต่างกับสายรัดข้อมือทั่วไปแล้ว ยังบางเพียง 0.3 มม. และใช้วัสดุที่ยืดหยุ่น ทนทานต่อการใช้งาน ความต่างระหว่างสองตัวนี้คือ Band จะใช้กับอุปกรณ์จำพวกสมาร์ทแบนด์ และสมาร์ทวอทช์ ส่วน Stripe จะสามารถทำได้หลากรูปทรงกว่า สามารถทำได้ตั้งแต่สร้อยคอ กำไล ลามไปจนถึงเสื้อยืดเลยทีเดียว

เก็บตกข่าวน่าสนใจในวงการ SoC เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม Marvell ผู้ผลิตชิปรายใหญ่เพิ่งเปิดตัวแพลตฟอร์ม MoChi ที่ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใส่ฟีเจอร์บางส่วนเข้าไปใน SoC แทนที่จะใส่ทุกอย่างเข้าไปตามแนวทางในช่วงหลังๆ เพื่อลดต้นทุนการผลิต และนำไปใช้กับอุปกรณ์เฉพาะทางได้คุ้มค่ามากขึ้น

หลักการของ MoChi หรือชื่อเต็ม Modular Chip จะคล้ายกับแนวทางของ Project Ara โดยแยกส่วนต่างๆ ใน SoC ออกมาเป็นโมดูล โดยจะมีศูนย์กลางเป็นซีพียู แล้วให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใส่ฟีเจอร์อื่นๆ เข้าไปเพิ่มเติมได้ เช่น จีพียู และการเชื่อมต่อต่างๆ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับโมดูลออกมามากนัก

ในยุคที่ Instagram กลายเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คขนาดใหญ่ และได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นเป็นอันดับสองรองจาก Facebook เท่านั้น การจะมีผู้ใช้เจ๋งๆ ที่มีผู้ติดตามมากกว่าแสนคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าหากว่าเขาคนนั้นไม่ใช่เจ้าหนูตากล้องมือใหม่วัย 5 ขวบอย่าง Hawkeye Huey

เพิ่งประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ยังไม่สวยเท่าไร AMD ก็ยังต้องกระตุ้นตัวเองไปแข่งกับตลาดต่อไป ล่าสุดเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ซีรีส์ R สำหรับจับตลาดอุปกรณ์ที่ใช้ชิปแบบ embeded โดยรองรับ DDR4 เป็นรุ่นแรกของ AMD อีกด้วย

มอซิลล่าองค์กรผู้ดูแลการพัฒนาไฟร์ฟอกซ์และแอปพลิเคชั่นอีกหลายตัวประกาศจ่ายเงินสนับสนุนโครงการโอเพนซอร์สที่เกี่ยวข้องไม่เกิน 10 โครงการ เป็นเงินหนึ่งล้านดอลลาร์

วิทยาลัยกองทัพเรือสหรัฐ (US Naval Academy) เตรียมนำวิชาการเดินเรือดาราศาสตร์ (celestial navigation) กลับมาสอนนักศึกษาอีกครั้ง หลังมีความกังวลว่าระบบนำทางด้วย GPS อาจถูกแฮ็กได้ในอนาคต

อาจารย์ของวิทยาลัยให้สัมภาษณ์ว่าเลิกสอนวิชาเดินเรือด้วยการดูดาว-วัตถุบนท้องฟ้าไปนานนับ 10 ปี ด้วยเหตุผลว่าใช้คอมพิวเตอร์ทำงานแทนได้หมด ปัญหาคือถ้าระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหาก็ไม่มีอะไรสำรองไว้เลย ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่า ระบบ GPS (ที่ดูแลโดยกองทัพอากาศของสหรัฐ) อาจต้องปิดชั่วคราวเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้ามาใช้งาน หรืออาจโดนสัญญาณ GPS ปลอมหลอกเอาได้

Adam Langley นักวิจัยด้านความปลอดภัยของกูเกิล (เป็นคนเสนอให้ CA ต้องเปิดเผยการออกใบรับรองตั้งแต่ปี 2011) ออกมาอธิบายแนวคิดการพัฒนาของ BoringSSL ไลบรารีเข้ารหัสที่กูเกิลแยกโครงการออกมาจาก OpenSSL ว่าแม้จะมี API คล้ายกับ OpenSSL แต่มีความแตกต่างกันลงลึกถึงระดับล่างจำนวนมาก

Google ออกอัพเดต Chrome บน iOS เวอร์ชันล่าสุด 46.0.2490.73 โดยมาพร้อมฟีเจอร์สำคัญ ได้แก่

• รองรับ Split View multitasking บน iOS 9 เพื่อให้ใช้งานคู่กับแอพอื่นได้
• รองรับระบบ Autofill ของ Chrome (จากเดิมมีเฉพาะบน Android และ PC) โดยระบบ Autofill จะเติมข้อมูลสำคัญตอนซื้อสินค้า เช่น เลขบัตรเครดิตและที่อยู่ให้ ทำให้การซื้อของออนไลน์สะดวกยิ่งขึ้น

Chrome เวอร์ชันล่าสุดบน iOS สามารถดาวน์โหลดได้แล้วที่ App Store

ที่มา - Google Chrome Blog

Amazon เผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2015 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่ารายได้เพิ่มขึ้นถึง 23% จากปีก่อน (รายได้รวม 25.4 พันล้านดอลลาร์) และทำกำไรได้ 406 ล้านดอลลาร์ เทียบกับปีก่อนที่ขาดทุน 544 ล้านดอลลาร์แล้วถือว่าโดดเด่นมาก

บริษัทมีสินค้าของตัวเองที่น่าสนใจหลายตัว เช่น Amazon Fire แท็บเล็ตราคา 50 ดอลลาร์, Fire TV รุ่นที่สอง, Amazon Echo, ปุ่มสั่งของ Amazon Dash รวมถึงการขยายบริการ Amazon Prime ให้กว้างไกลมากขึ้น

ไมโครซอฟท์ทดสอบ Cortana for Android มาได้สักพักแล้ว ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่มเข้ามาคือการสั่งงานด้วยเสียงแบบไม่ต้องแตะอุปกรณ์ เพียงพูดว่า "Hey Cortana" (แบบเดียวกับ OK Google) ก็จะเรียก Cortana ขึ้นมาได้เลย

ข้อจำกัดของฟีเจอร์นี้คือมันใช้งานได้ต่อเมื่อเราปลดล็อคหน้าจอแล้วเท่านั้น เหตุเพราะ Android เพียงบางรุ่นเท่านั้นที่มีฮาร์ดแวร์รองรับคำสั่งเสียงตลอดเวลา (ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกับ OK Google)

ฟีเจอร์นี้มีใน Windows Phone มาตั้งแต่ปี 2014

ที่มา - Android Central

ผู้ใช้ Android โดยเฉพาะสาย Nexus คงคุ้นเคยกับภาพพื้นหลังแนวทาง Material Design ที่ใช้รูปทรงเรขาคณิต ภาพเหล่านี้ดูเผินๆ เหมือนเป็นภาพที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ (CG) แต่แท้จริงแล้วมันเป็น "ภาพถ่าย" ของกระดาษสีซ้อนกันหลายชั้น ซึ่งอิงจากแนวคิดของ Material Design นั่นเอง

กูเกิลจ้างศิลปินชาวสวีเดน Carl Kleiner มารับงานนี้ต่อเนื่องกันหลายปีแล้ว ในรอบของ Android 6.0 Marshmallow กูเกิลก็เผยกระบวนการทำงานของ Kleiner ให้เห็นว่าเบื้องหลังเกิดขึ้นได้อย่างไร โจทย์ของกูเกิลคือใช้สีตามโลโก้ของบริษัท บวกกับสีเทาอีกหนึ่งสี ส่วน Kleiner ยังใช้กระดาษตัดเป็นรูปเรขาคณิต ซ้อนกันหลายชั้น และเพิ่มวัสดุบางอย่างเพื่อสร้างลวดลาย (texture) ให้ดูมีมิติมากขึ้น

เว็บไซต์ Re/code รายงานว่าพนักงานระดับสูงของยาฮู ทยอยลาออกกันในรอบไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าแผนการพลิกฟื้นยาฮูของซีอีโอ Marissa Mayer ไม่ได้ผลอย่างที่คิด จนพนักงานเริ่มเสียกำลังใจและหันไปมองหางานใหม่

แหล่งข่าวภายในยาฮูระบุว่า Mayer พยายามซื้อใจพนักงานด้วยการขึ้นเงินเดือน แต่ก็ไม่ได้ผลมากนัก

ที่มา - Re/code

ต่อจากข่าวกูเกิลเปิดตัว YouTube Red ที่มาพร้อม Original Contents จาก Content Creator บน YouTube ล่าสุดเทรลเลอร์แรกของคอนเทนต์ที่มาจาก PewDiePie นักแคสเกมชื่อดังได้ถูกปล่อยออกมาแล้ว

คอนเทนต์นี้มีชื่อว่า Scare PewDiePie เป็นซีรีย์แนว reality-adventure โดยได้ Skybound Entertainment ผู้สร้าง The Walking Dead และ Robert Kirkman หนึ่งในทีมสร้างซีรีย์ซอมบี้ดังกล่าวมาช่วยดูแลเบื้องหลังและกำกับให้

ด้านเนื้อเรื่องจะเป็นกึ่งการแกล้งกึ่งระทึกขวัญที่จะสร้างเซอร์ไพร์สอยู่ตลอด (part prank and part suspense-adventure as there are "hidden surprise around each corner") โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเกมสุดโปรดของ PewDiePie เอง

ขอแนะนำเกม Free The Jam - Puzzle on the road เกมนี้สร้างขึ้นจากแนวคิดรณรงค์ลดการใช้รถส่วนบุคคล จากปัญหาการจราจรที่เป็นปัญหาโลกแตกของไทยมายาวนาน สาเหตุหลักก็มาจากจำนวนรถบนท้องถนนที่มีมากจนเกินไป ไม่ว่าจะสร้างถนนเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอกับจำนวนรถที่เพิ่มขึ้น การลดจำนวนรถส่วนบุคคลแล้วหันมาใช้รถขนส่งมวลชนจะช่วยลดปัญหาการจราจรไปได้มาก ซึ่งก็จะทำให้เราประหยัดเวลาการเดินทาง ประหยัดพลังงานน้ำมัน และลดปัญหามลพิษทางอากาศอีกด้วย

Game Trailer - https://www.youtube.com/watch?v=LKg1vipIPKU

สำหรับคนที่ซื้อแผ่นเกม Fallout 4 บน PC นั้น อาจจะต้องต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อโหลดไฟล์เกมที่เหลือเพิ่มเติมต่อจาก Steam อีกทีหนึ่งเสียแล้วครับ เพราะว่าในแผ่นเกมที่ขายนั้นไม่ได้เก็บไฟล์เกมทั้งหมดเข้าไป

Pete Hines บอสใหญ่ของ Bethesda ได้ทวีตเอาไว้ว่า "ในกล่องแผ่นเกม Fallout 4 สำหรับ PC จะมีคีย์เกมสำหรับลงทะเบียนบน Steam และแผ่นดีวีดีสำหรับลงเกม แต่ถ้าใครไม่มีช่องใส่แผ่นดีวีดี ก็สามารถโหลดทั้งเกมจาก Steam ได้"

จากนั้น Pete ได้ทวีตเพิ่มเติมอีกว่า "จริงๆ ในแผ่นดีวีดีก็บรรจุไฟล์เกมสำหรับติดตั้งในเครื่องนะ แต่ยังไงก็ต้องโหลดต่อจาก Steam อยู่ดี เพราะในแผ่นไม่ได้บรรจุไฟล์ทั้งเกมไว้"

กูเกิลมี Android Auto สำหรับระบบข้อมูลภายในรถยนต์ แต่การทำงานของมันเป็นแค่การแคสต์หน้าจอจากอุปกรณ์พกพาไปยังจอของคอนโซลรถยนต์เท่านั้น การประมวลผลเกิดขึ้นในอุปกรณ์พกพา ดังนั้น Android Auto จึงมีสถานะเหมือนเป็นแอพตัวหนึ่งเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในเอกสารรับรองความเข้ากันได้ของ Android (Android Compatibility Definition Document) กลับมีระบุถึงระบบปฏิบัติการอีกตัวชื่อว่า Android Automotive ซึ่งน่าจะเป็นระบบปฏิบัติการเต็มรูปแบบสำหรับคอนโซลรถยนต์

ข้อมูลของ Android Automotive ตอนนี้มีเฉพาะเรื่อง UI ว่าต้องมีปุ่มโฮมเป็นมาตรฐาน ส่วนปุ่ม Back/Recent นั้นจะมีหรือไม่ก็ได้

หลายๆ คนในปัจจุบันน่าจะใช้โน้ตบุ๊คเป็นเครื่องหลักในการทำงานใช่ไหมครับ ส่วนหนึ่งของการตัดสินใจใช้โน้ตบุ๊คของเราคือความสะดวกในการเคลื่อนย้าย สามารถย้ายงานที่นั่งทำอยู่ที่ทำงาน เซฟและเก็บกลับไปเปิดต่อที่บ้านได้โดยไม่ต้องเสียแรงอะไร ผมเชื่อว่าหลายๆ คนที่ใช้โน้ตบุ๊คเองนี่ก็มักจะมีแท็บเล็ตเพื่องานจิปาถะเล็กๆ น้อยๆ อย่างเปิดหน้าเว็บ เปิดดูวิดีโอออนไลน์อยู่แล้ว ช่วงหลังจึงมีกระแสของโน้ตบุ๊คที่พยายามจะรวบงานของแท็บเล็ตเพื่อมาตอบโจทย์นี้ อุปกรณ์สายที่เราเรียกว่า Convertible ชนิดนี้จะเป็นโน้ตบุ๊คก็ได้ ถอดเอาเฉพาะจอออกมาเป็นแท็บเล็ตก็ดีครับ (แบบที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่าง Microsoft Surface Book นั่นละ)

ซีรีส์สัมภาษณ์ "คนไทยในซิลิคอนวัลเลย์" คราวนี้มาดูคนทำงานฝั่ง frontend กันบ้าง กับบทสัมภาษณ์คุณณัฐกรณ์ พัฒนพงษ์ศักดิ์ ตำแหน่ง Frontend Developer ที่ eBay

ในบทสัมภาษณ์นี้ คุณณัฐกรณ์จะมาเล่าความเคลื่อนไหวของการทำงานสาย frontend ของบริษัทไอทีเหล่านี้กันว่าต้องใช้เครื่องมือแบบไหนกำลังมาแรง รวมถึงประสบการณ์การทำงานที่ไทยเทียบกับสหรัฐอเมริกา