Xbox 360 เปิดตัวเมื่อปี 2005 นับถึงตอนนี้ก็มีอายุ 6 ปีกว่าๆ เริ่มครบวัฏจักรของเครื่องเกมคอนโซลแล้ว
ถึงแม้ไมโครซอฟท์จะยังเงียบๆ ไม่ยอมพูดถึง Xbox ตัวต่อไป (ซึ่งสื่อต่างประเทศเรียกมันว่า Xbox 720 แต่ชื่อจริงยังไม่มีใครรู้) แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีข่าวลือของ Xbox รุ่นใหม่ออกมาบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามข่าวหลายกระแสยังไม่ตรงกันสักเท่าไร
ข่าวแรกมาจากบล็อกชื่อ MS Nerd อ้างว่า Xbox ตัวใหม่มีรหัสว่า "loop" มันจะใช้ซีพียูตระกูล ARM แบบพิเศษที่มีคอร์หลักสำหรับประมวลผล และมีคอร์เฉพาะสำหรับงานแต่ละชนิด เช่น คอร์สำหรับกราฟิก คอร์สำหรับเสียง คอร์สำหรับประมวลผลฟิสิกส์ ฯลฯ ตัวเครื่องจะมีขนาดเล็กกว่า Xbox 360 และราคาถูกกว่า ระบบปฏิบัติการจะเป็น Windows 9 รุ่นปรับแต่งพิเศษ
หลังจากที่พรีวิวความสามารถในงาน Oracle OpenWorld เมื่อเดือนก่อน วันนี้ Solaris 11 ออกรุ่นจริงแล้ว
ฟีเจอร์สำคัญอย่างหนึ่งของ Android 4.0 Ice Cream Sandwich คือฟอนต์ตัวใหม่ Roboto ที่ออกแบบขึ้นมาใหม่หมดเพื่อใช้แทนฟอนต์ตระกูล Droid (ทั้ง Droid Sans/Serif) ที่ใช้มาตั้งแต่แรก
Matias Duarte หัวหน้าทีมออกแบบของ Android (เขาเคยอยู่กับ Palm มาก่อน) ออกมาอธิบายเบื้องหลังการสร้างฟอนต์ Roboto ผ่าน Google+ ของเขาดังนี้
เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วบางคนอาจจำได้ว่ากูเกิลสร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระดับ 1Gbps บริเวณมหาวิทยาลัย Stanford แต่วันนี้ Shaw ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตสัญชาติแคนาดามาแรงกว่าด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วส
ไมโครซอฟท์ยังไม่ระบุว่า Windows 8 จะเสร็จเมื่อไรกันแน่ แต่ล่าสุดผู้บริหารของซัมซุงเผยกรอบเวลาคร่าวๆ แล้วว่าเป็น "ครึ่งหลังของปีหน้า"
ไม่รู้ว่าพลาดหรือตั้งใจ แต่ Uhm Kyu Ho ผู้บริหารฝ่ายพีซีของซัมซุงให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะวางขาย "คอมพิวเตอร์" จอสัมผัสที่มีคีย์บอร์ดไร้สาย (จะเรียกมันว่าแท็บเล็ตหรือโน้ตบุ๊กก็แล้วแต่) และใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 8 ของไมโครซอฟท์ ในครึ่งหลังของปี 2012
"คอมพิวเตอร์" ตัวนี้จะพัฒนาต่อจากโน้ตบุ๊ก Series 7 ของซัมซุงในปัจจุบัน และยืนยันว่าโน้ตบุ๊ก Series 7 จะสามารถอัพเกรดเป็น Windows 8 ได้ในอนาคต
ที่มา - Bloomberg
เมื่อวันก่อนเพิ่งมีภาพหลุดของ HTC Edge มือถือสี่คอร์ หน้าจอ 4.7" ของค่าย HTC ออกมา
วันนี้เว็บไซต์ BGR ได้ภาพ-ข้อมูลหลุดของ HTC Ville ซึ่งดูจากหน้าตาที่ไม่มีปุ่มกดด้านหน้าแล้ว อาจเป็นมือถือตัวแรกของค่าย HTC ที่ใช้ Android 4.0 และ HTC Sense 4.0 มาตั้งแต่ต้น
ก่อนหน้านี้ Amazon Kindle นั้นถูกมองว่าไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงของ iPad เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากนิยมที่จะมีสินค้าทั้งสองชิ้นพร้อมๆ กันเพราะ Kindle นั้นถูกใช้งานเพื่ออ่านหนังสืออย่างเดียวมากกว่าจะเป็นแท็บเล็ตทั่วไป
แต่รายงานการสำรวจจากบริษัท ChangeWave ได้สำรวจกลุ่ม early adopter (กลุ่มใช้สินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ก่อนตลาดหลัก) จำนวน 2,600 คน พบว่าร้อยละ 5 ของกลุ่มนี้ได้สั่งซื้อหรือค่อนข้างแน่ว่าจะสั่งซื้อ Kindle Fire เทียบกับร้อยละ 4 ของกลุ่มเดียวกันเมื่อครั้งที่ iPad เปิดตัว
ผู้ประกาศข่าว NBC Nightly News นาย Brian Williams ออกมาเสนอชื่อสตีฟ จ็อบส์ ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิลให้เป็น "บุคคลแห่งปี" ของนิตยสาร Time ซึ่งหากสตีฟ จ็อบส์ถูกเป็นบุคคลแห่งปีประจำปีนี้จริง เขาจะเป็นคนแรกที่ได้รับเกียรติดังกล่าวหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว (แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยผิดหวังที่เขาพลาดรางวัลนี้ไปเมื่ออายุ 20 กว่า ๆ)
ใน iOS 5 นอกจากที่จะมีการซ่อนโหมดถ่ายภาพพาโนราม่าคล้ายกับบน Android 4.0 หรือ Ice Cream Sandwich แล้ว ยังได้มีการซ่อนแถบ autocorrect สำหรับคีย์บอร์ดคล้าย ๆ กับบน Android อีกด้วย โดยทั้งสองฟังก์ชั่นนี้ผู้ใช้สามารถที่จะเลือกเปิดได้โดยไม่ต้องทำการ jailbreak แต่อย่างใด แต่ผ่านโปรแกรม iBackupBot แทน โดยรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้จากที่มาครับ
หลังจากที่ Amazon เปิดตัว Kindle Cloud Reader สำหรับหนังสือผ่านหน้าเว็บที่ทำงานได้บน Safari มาสามเดือน มาบัดนี้อเมซอนได้ปรับปรุงให้รองรับการทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์ FireFox เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ความสามารถยังเท่าเดิม คือ เปลี่ยนขนาดฟอนต์ได้, เปลี่ยนสีพื้นหลังได้, อ่านออฟไลน์ได้, บุ๊คมาร์กได้, อ่านโน็ต/ไฮไลท์ได้ แต่ที่ยังทำไม่ได้ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีพจนานุกรม, ทำไฮไลท์ข้อความ/โน้ตไม่ได้, เปลี่ยนฟอนต์เฟซไม่ได้
หลังจากที่ Facebook ปรับวิธีการแสดงผล News Feed แบบใหม่ (ซึ่งเปลี่ยนมาแสดง Top/Highlighted Stories ไว้ด้านบน แล้วค่อยตามด้วย Recent Stories) ก็มีทั้งเสียงชมและเสียงบ่น
เป็นข่าวหลุดโดย ZDNet ไปเมื่อวานนี้ วันนี้ทาง Adobe แถลงข้อมูลอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งก็ตรงตามข่าวหลุดทุกประการ สาระสำคัญมีดังนี้
หลังจากเกมบนสมาร์ทโฟนได้รับความนิยม กระแสความกดดันก็ไปอยู่ที่ผู้ผลิตเครื่องเล่นเกมพกพาอย่าง Nintendo DS และ Sony PSP ซึ่งทั้งสองบริษัทก็ปฏิเสธมาโดยตลอดว่า เป็นคนละตลาดที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
แต่ตัวเลขล่าสุดจากบริษัทวิจัย Flurry ดูจะไม่ใช่แบบนั้นเสียแล้ว
Flurry รวบรวมสถิติ "รายได้" จากเกมพกพา (portable game ซึ่งในที่นี้นับเกมบนสมาร์ทโฟน, PSP และ NDS) ของสหรัฐอเมริกา ปรากฎว่าส่วนแบ่งรายได้ของเกมบน iOS+Android ในปี 2011 อยู่ที่ 58% ของตลาดรวมแล้ว และเบียด NDS/PSP ให้กลายเป็นส่วนน้อย
ตัวเลขนี้ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะในปี 2010 สัดส่วนรายได้ของ iOS+Android ยังมีเพียงแค่ 34% ของตลาดเท่านั้น ถ้าคิดเป็นตัวเงิน ตลาดเกมพกพาสหรัฐมีมูลค่าประมาณ 3.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2011
กูเกิลยังเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ +1 ต่อไปเรื่อยๆ จากตอนแรกที่ +1 ผลการค้นหา ตามมาด้วย +1 เว็บทั่วไป,
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า นินเทนโดบอกเกมบน Wii U จะออกแบบมาสำหรับจอยเดียว ซึ่งก็สร้างความผิดหวังให้กับแฟนๆ ของนินเทนโดไม่น้อย (ไหนๆ ทำมาขนาดนี้แล้ว เล่นกับจอยแท็บเล็ตได้แค่อันเดียว)
ผู้อ่าน Blognone คงคุ้นกับข่าวไมโครซอฟท์ไล่เซ็นสัญญาสิทธิบัตรกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ Android หลายราย แต่หนึ่งรายที่ไม่ยอมเซ็นกับไมโครซอฟท์ก็คือ Barnes & Noble (ซึ่งทำ Nook) และจบลงด้วยไมโครซอฟท์ยื่นฟ้อง Barnes & Noble
ทางทนายของ Barnes & Noble ก็แก้เกมกลับโดยยื่นเรื่องไปยังหน่วยงานด้านต่อต้านการผูกขาด ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และล่าสุดมีสไลด์ของ Barnes & Noble หลุดออกมาสู่สาธารณะ (เอกสารยื่นวันที่ 12 กรกฎาคม 2011)
เอกสารนี้เผยให้เห็นรายละเอียดของ "สิทธิบัตร" ที่ไมโครซอฟท์นำมาเจรจา/ฟ้องกับ Barnes & Noble ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสิทธิบัตรชุดเดียวที่ใช้เซ็นสัญญากับผู้ผลิต Android รายอื่นๆ (ซึ่งไมโครซอฟท์ไม่เคยเปิดเผย) ใครสนใจก็เอาเลขสิทธิบัตรไปค้นต่อกันตามสะดวก
มี contributor ให้กับเว็บไซต์ Cult Of Mac รายหนึ่งเปิดเผยว่า เขาได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าแอปเปิลอาจเปิดให้ผู้ใช้ iPhone 4 และ iPod touch 4 สามารถอัพเกรดเป็น iOS 5.0.1 ที่มาพร้อมกับ Siri ได้ในราคา 19.99 ดอลลาร์ (ราว 620 บาท) ซึ่งเมื่อแหล่งข่าวถามแอปเปิลไป ก็ได้คำตอบจากฝ่ายวิศวกรรมว่า Siri ทำงานได้บน iPhone 4S เท่านั้นและขณะนี้บริษัทไม่มีแผนซัพพอร์ต Siri บนอุปกรณ์ที่เก่ากว่านี้
ขึ้นบอกใบ้มาเมื่อหลายเดือนก่อน วันนี้ naan Studio ที่เป็นบริษัทลูกของ UberMedia ได้ปล่อย Echofon for Windows Beta ออกมาแล้ว โดยมีคุณสมบัติเบื้องต้นที่เหมือนกับรุ่นบน Firefox ทุกประการ ทั้งสามารถซิงค์ข้อมูลกับรุ่นบน iOS ได้ สามารถแสดงรูปภาพย่อบน Timeline ได้ (แต่เมื่อคลิก ตัวโปรแกรมจะไปเรียก Default Browser ในขณะนั้นขึ้นมาแสดงผลแทน) และยังสามารถระงับการแสดงทวีตของบุคคลที่ไม่ต้องการได้
ตัวโปรแกรมมีขนาด 13 เมกกะไบต์ครับ ใช้เอนจิ้นการแสดงผลเดียวกับ Firefox ใครที่สนใจสามารถโหลดมาเล่นได้ผ่านทางเว็บไซต์หลักครับ
ที่มา - Echofon Blog
เว็บไซต์ The Verge รายงานข่าวว่า HP เรียกประชุมพนักงานทั้งบริษัทเมื่อวานนี้ (8 พ.ย. ตามเวลาสหรัฐ) เพื่ออธิบายสถานการณ์ด้านต่างๆ ของบริษัท
ในประเด็นเรื่องอนาคตของ webOS ทางซีอีโอ Meg Whitman ยอมรับแต่โดยดีว่า "ไม่มีทางเลือกที่มองเห็นได้ชัดเจน" ว่าจะทำอย่างไรกับมัน เธอบอกว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่ความเร็วในการตัดสินใจ แต่ต้องเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องต่างหาก
อนาคตของ Silverlight เป็นที่ชัดเจนมานานแล้วว่า มันจะถูกลดความสำคัญลง และไมโครซอฟท์จะหันมาเน้น HTML5 แทนสำหรับเทคโนโลยีเว็บ และย้ายมันไปใช้สำหรับงานเฉพาะทางบางอย่างแทน (อดีตพนักงานฝ่าย Silverlight ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า "
โนเกียเผยว่าได้ปล่อยอัพเดต MeeGo เวอร์ชัน 1.1 (เวอร์ชันซอฟต์แวร์ 20.2011.40-4) ให้กับ N9 สำหรับสิ่งที่ได้รับการอัพเดต อาทิ
ผู้ใช้สามารถรับการอัพเดตผ่าน OTA ขนาดชุดอัพเดตราว 220 เมกะไบต์ รายละเอียดทั้งหมดของอัพเดตดูได้จากที่มาของข่าว
ตามพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 นั้นกำหนดให้การใช้งานเพื่อการค้านั้นต้องได้รับใบอนุญาตผ่านการประมูลเท่านั้น ปัญหาคือกสทช. จะเริ่มจัดสรรคลื่นความถี่ได้ก็หลังจากออกตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติได้เสียก่อน ระหว่างนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่สัญญาการใช้ความถี่ต่างๆ ที่หมดลงจะต้องหยุดดำเนินกิจการจนกว่าเราจะเข้าสู่ระบบการประมูล ผลคือกิจการที่สัญญาจะหมดลงในช่วงนี้ก็จะถูกยึดความถี่คืนทั้งหมด
หลายคนแถวนี้คงฝันถึงการใช้ปากกาสไตลัสบนแท็บเล็ต ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มมีหลายบริษัททำออกมาขายบ้างแล้ว
ล่าสุดบริษัท Atmel ที่ทำธุรกิจด้านจอสัมผัส ออกปากกาสไตลัสตระกูล maXStylus (ชื่อเขียนยากมาก) ที่มีเทคโนโลยี multiSense ช่วยให้เราใช้ปากกาพร้อมๆ กับนิ้วสัมผัสได้ การวาดรูปหรือจดข้อมูลบนจอแท็บเล็ตจึงทำได้ง่ายกว่าเดิมมาก (มือหนึ่งถือปากกา อีกมือหนึ่งใช้นิ้วซูมหรือหมุน ดูวิดีโอประกอบ)
ปากกาตระกูล maXStylus ยังมีเทคโนโลยีเสริมอีกหลายอย่าง เช่น ดักการวางฝ่ามือบนแท็บเล็ตขณะเขียน รองรับการกดหลายระดับ เซ็นเซอร์ทำงานที่ความถี่ 140Hz และมีเส้นปากกาบางเพียง 1 มิลลิเมตร
ผลการศึกษาขององค์กร Carbon Disclosure Project (CDP) รายงานว่า บริษัทที่ใช้บริการกลุ่มเมฆสามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 50% และจากการวิเคราะห์ข้อมูลของหน่วยงานที่ใช้บริการกลุ่มเมฆทั้งในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา มาเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี ทาง CDP ทำนายว่าหากบริษัทต่างๆย้ายไปใช้บริการกลุ่มเมฆ ในปี ค.ศ. 2020 บริษัทในสหรัฐอเมริกาที่มีรายได้สูงกว่า 1 พันล้านเหรียญต่อปีจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง 12.3 ล้านเหรียญต่อปีและลดปริมาณคาร์บอนได้เทียบเท่าการใช้น้ำมันถึง 200 ล้านบาร์เรล ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหราชอาณาจักรจะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้มากกว่า 1 พันล้านปอนด์ต่อปี