Automobile
ที่งาน Geneva Motor Show ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ Honda ได้นำรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ e Prototype มาโชว์ พร้อมระบุว่าจะผลิตขายจริงในช่วงปลายปี 2019 แต่นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบแล้ว Honda ยังได้ประกาศเป้าหมายสำคัญว่าจะขายเฉพาะรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในยุโรป ภายในปี 2025
เป้าหมายนี้เป็นเป้าใหม่หลังสถานการณ์ในยุโรปเปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปต่างมีแผนเลิกใช้เครื่องยนต์ดีเซลกันแล้ว และผู้คนก็เริ่มมองหารถยนต์ตัวเลือกใหม่ๆ ที่มีค่าบำรุงรักษาต่ำ โดย Honda เคยประกาศเมื่อปี 2017 ว่าจะขายรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วน 66% ในปี 2025 แต่คราวนี้คือเปลี่ยนเป็น 100% เลย
สืบเนื่องจากโพสต์ทวิตเตอร์ของ Elon Musk ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดตัว Model Y ในวันที่ 14 มีนาคมนี้ มีคนเข้าไปถามต่อ (หรือหลอกถาม?) ว่า Model Y จะเป็นรถกระบะใช่ไม๊ หลังจากที่ Musk เคยออกมาบอกว่าบริษัทจะทำรถกระบะ ซึ่งเจ้าตัวก็ปฏิเสธ พร้อมบอกว่ารถกระบะจะถูกเปิดตัวภายในปีนี้ (later this year)
ก่อนหน้านี้ Musk ก็เคยบอกว่ารถกระบะของ Tesla จะเป็นรถกระบะแห่งอนาคต เหมือนหลุดมาจาก Blade Runner และใน thread ข้างต้น เจ้าตัวก็แย้มอีกเล็กน้อยด้วยว่า เขาตื่นเต้นกับรถกระบะมาก หลายคนอาจมองว่ามันดูล้ำเกิน (too futuristic) แต่เขารักมันเลยหละ
Hyundai Motors และ Kia Motors สองค่ายรถยนต์จากเกาหลีประกาศร่วมกันพัฒนาโซลูชันกุญแจรถยนต์แบบดิจิทัลบนสมาร์ทโฟน ช่วยให้สามารถเปิดปิดประตูรถ รวมถึงสตาร์ทรถได้ผ่านสมาร์ทโฟน รองรับผู้ใช้พร้อมกันสูงสุด 4 คน โดยเจ้าของรถสามารถตั้งสิทธิต่างๆ ไปจนถึงตั้งเวลาในการให้ใช้รถกับกุญแจดิจิทัลที่คนอื่นถืออยู่ได้
นอกจากตัวแอปบนสมาร์ทโฟนแล้ว ยังมีกุญแจรถที่อยู่ในรูปของบัตรพลาสติกขนาดพอๆ กับบัตรเครดิตอีกด้วย (เหมือนของ Tesla) โซลูชันนี้จะถูกนำไปใช้งานในรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะออกมาในเร็วๆ นี้ โดยจุดประสงค์หลักของการทำกุญแจรถยนต์ดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบ Car-Sharing ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
ที่มา - Korea Herald
ถึงแม้จะเป็นแบรนด์คู่แข่งโดยตรงกันมานาน แต่เมื่อสภาพตลาดเปลี่ยนแปลง เราจึงเห็นผู้ผลิตรถยนต์ฝั่งเยอรมนีคือ BMW ประกาศจับมือกับ Daimler (บริษัทแม่ของ Mercedes Benz) พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับร่วมกัน และตั้งบริษัทร่วมทุนถึง 5 บริษัท เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านรถยนต์ไร้คนขับ รถยนต์ไฟฟ้า และการขนส่ง มูลค่ารวม 1 พันล้านยูโร
บริษัทร่วมทุน 5 แห่งนี้ประกอบไปด้วย
ในงานเปิดตัว Tesla Model 3 เมื่อเกือบสามปีก่อน Elon Musk ระบุว่ารถรุ่นนี้จะมีราคาขายเริ่มต้นที่เพียงคันละ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.104 ล้านบาทเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่สามารถขายรถในราคานั้นได้เสียทีเนื่องจากสถานการณ์ทางการเงินของบริษัทยังไม่สู้ดีนัก และหากดึงดันขายในราคานั้นจะทำให้บริษัทขาดทุนจนเจ๊งได้
จากที่ลือกันมานานแสนนาน วันนี้ Toyota ก็ประกาศรองรับ Android Auto อย่างเป็นทางการ
รถยนต์ชุดแรกที่จะรองรับ Android Auto เป็นรถที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ได้แก่
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ ของ Toyota โดยเฉพาะรุ่นที่ขายในบ้านเรา เช่น Camry, Corolla จะได้ Android Auto กับเขาด้วยหรือไม่
หลังจากเปิดตัว LEAF ใหม่ ได้ปีกว่าๆ นิสสันก็ประกาศเปิดตัว LEAF e+ รุ่นอัพเกรด ที่เพิ่มแบตเตอรี่จากเดิม 40kWh เป็น 62kWh สามารถวิ่งได้ไกลราว 458 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งรอบ เทียบกับราว 322 กม. ในรุ่นปัจจุบัน
ส่วนมอเตอร์ก็ได้แรงบิดเพิ่มขึ้นจาก 320 นิวตันเมตรมาเป็น 340 นิวตันเมตร เช่นเดียวกับความเร็วสูงสุดที่วิ่งได้เพิ่มจาก 144 กม./ชม. เป็น 157 กม./ชม. น้ำหนักตัวรถก็เพิ่มขึ้นราว 170-180 กก. จากแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับราคาที่เพิ่มจากรุ่นธรรมดามา 1 ล้านเยนอยู่ที่ 4.1 ล้านเยนรวมภาษี (ราว 1.2 ล้านบาท)
ที่มา - Nikkei Automotive
ปกติระบบ HUD ในรถยนต์เป็นการฉายข้อมูลจำพวกความเร็วรถยนต์ขึ้นไปบนกระจกหน้ารถ ส่วนระบบนำทางยังต้องดูจากหน้าจอตรงกลาง หรือหน้าจอตรงแผงหน้าปัด ล่าสุดฮุนไดก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำเอาเทคโนโลยี AR เข้ามาใช้ร่วมด้วย เพื่อแสดงการนำทางบน HUD เลย
เทคโนโลยีนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างฮุนไดกับสตาร์ทอัพ WayRay จากสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบความเป็นไปได้ (Proof of concept) ของเทคโนโลยีดังกล่าว และได้ผ่านการทดสอบบนถนนจริงในเกาหลีใต้แล้ว ซึ่งนอกจากข้อมูลการนำทางแล้วยังรวมเอาฟีเจอร์แจ้งเตือนรถออกจากเลน (lane departure warnings) หรือเตือนการชนด้านหน้า (forward collision warnings) เข้ามาโชว์บน HUD ด้วย
Volvo เผยภาพแรกและข้อมูลเบื้องต้นของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ Polestar 2 ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
Volvo Polestar 2 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของบริษัท (ตัวก่อนหน้านี้ Polestar 1 เป็นไฮบริด) มีระยะการวิ่งประมาณ 300 ไมล์ (480 กม.) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง, มีกำลังประมาณ 400 แรงม้า, ราคาระดับเดียวกับ Tesla Model 3
จุดที่น่าสนใจคือ Polestar 2 เป็นรถยนต์รุ่นแรกของโลกที่จะใช้ระบบ "Google Android HMI" พร้อม Google Assistant ภายในรถยนต์ด้วย
ปีนี้ ARM เปิดตัวซีพียูสำหรับรถยนต์ออกมาหลายรุ่น ตอนนี้ผู้ผลิตที่นำพิมพ์เขียวมาผลิตอย่างซัมซุงก็ประกาศผลิตซีพียูตระกูลรถยนต์ ในชื่อ Exynos Auto V9
Exynos Auto V9 ใช้แกน Cortex-A76 8 คอร์ กราฟิก ARM Mali G76 อีก 3 ชุด พร้อมวงจร DSP อีก 4 ชุด และหน่วยประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ กระบวนการผลิตจะใช้เทคโนโลยี 8 นาโนเมตร
ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิปนี้รองรับจอภาพ 6 จอ, กล้อง 12 ชุด กราฟิกสามชุดทำให้สามารถแสดงข้อมูลการขับขี่กลาง, จอสำหรับความบันเทิงผู้โดยสารอีกสองจอได้พร้อมกัน
ทาง Audi เลือกใช้ชิปตัวนี้พัฒนาระบบความบันเทิงในรถแล้ว และคาดว่าจะเปิดตัวรถจริงปี 2021
Arm เปิดตัวซีพียู Cortex-A65AE ซีพียูสำหรับระบบอัตโนมัติในรถยนต์รุ่นที่สอง หลังจากเปิดตัว Cortex-A76AE ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ความน่าสนใจเป็นพิเศษคือ Cortex-A65AE เป็นซีพียูรุ่นแรกที่มีฟีเจอร์ simultaneous multithreading (SMT) หรือที่รู้จักกันในซีพียู x86 ในชื่อ hyperthreading ทำให้สามารถรันสองเธรดได้ในคอร์เดียว
หลังจากนิสสันประเทศไทยเผยตั้งแต่ปีที่แล้วว่าจะนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า Nissan LEAF ในประเทศไทย ล่าสุดวันนี้นิสสันได้จัดงานเปิดตัวรถรุ่นดังกล่าวอย่างเป็นทางการ โดยเปิดราคาที่ 1.99 ล้านบาท พร้อมเปิดจองในงาน Motor Expo 2018
Nissan LEAF มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทาง 311 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มาพร้อมกับการรับประกันตัวรถ 3 ปี, ระบบไฟฟ้า 5 ปี และแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร
เมื่อวาน Mercedes-Benz ประเทศไทยนำโดยคุณ Roland Folger ซีอีโอประกาศพร้อมลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยระบุว่าไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ โดยพิจารณาจากจำนวนรถยนต์และสถานีชาร์จ พร้อมประกาศสร้างโรงงานแบตเตอรี่ในไทย
Roland Folgar มองว่าประเทศไทยค่อนข้างพร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งในแง่ของการขยายตัวของสถานีชาร์จ, การสนับสนุนของภาครัฐ ไปจนถึงการรับรู้และตื่นตัวของผู้บริโภค โดยที่ผ่านมา Benzแนะนำรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกในไทยตั้งแต่ปี 2555 กับรุ่น E 300 BlueTEC Hybrid ก่อนจะเริ่มทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยภายใต้ชื่อ EQ Power และหลังจากนี้น่าจะทำตลาดอย่างกว้างขวางขึ้น รวมถึงชูความเป็นรถยนต์ที่ฉลาดหรือ Connected Car มากขึ้นด้วย
Volkswagen กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าหลังโดนจับได้ว่าโกงผลการทดสอบมลพิษเมื่อปี 2015 อีกทั้งรัฐบาลเยอรมนีก็กำลังเดินหน้าแบนรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง Herbert Diess ซีอีโอของ Volkswagen ถึงกับบอกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีอาจถึงขั้นสูญสิ้นไปเลย
ล่าสุดมีข่าวลือว่า Volkswagen เล็งขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาต่ำกว่า 20,000 ยูโรหรือราว 750,000 บาทเพื่อแข่งกับ Tesla โดยปัจจุบันรุ่นที่ถูกสุดของ Tesla คือ Model 3 ตั้งราคาไว้ที่ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1.15 ล้านบาท (แต่ตอนนี้ยังไม่มีขาย)
เมื่อปลายปี 2017 เคยมีรายงานข่าวว่า Dyson ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าหรูจากอังกฤษเตรียมเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเมื่อต้นปีนี้ก็มีข่าวความคืบหน้าออกมาว่าจะใช้แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ล่าสุด Dyson เลือกตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ประเทศสิงคโปร์ หวังตีตลาดจีน
Dyson ระบุว่าบริษัทจะตั้งโรงงานเองมากกว่าจะไปเซ็นสัญญากับซัพพลายเออร์ภายนอก โดยคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2020 และเริ่มขายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในปี 2021 ซึ่งบริษัทมีงบลงทุนกับตลาดรถยนต์ถึง 2 พันล้านปอนด์หรือราว 85,000 ล้านบาท
โดยธรรมชาติของรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีชื่อเสียงว่าทนทานกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปภายในเนื่องจากมีชิ้นส่วนที่ขยับไปมาน้อยกว่า รวมถึงระบบเกียร์ก็ซับซ้อนน้อยกว่าเพราะมีเพียงเกียร์เดียวจึงลดความสึกหรอไปได้มากเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไปที่มีหลายเกียร์
ล่าสุด Tesla ปล่อยภาพชิ้นส่วนเฟืองในระบบส่งกำลังของ Tesla Model 3 ออกมาสองภาพ โดยระบุว่าเป็นชิ้นส่วนที่ผ่านการทดสอบวิ่งมาแล้ว 1 ล้านไมล์ หรือ 1.6 ล้านกิโลเมตร และ Elon Musk ก็ออกมาเสริมว่าชิ้นส่วนเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ทนทานมากเป็นพิเศษ
ช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ Tesla ได้ปล่อยอัพเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 9.0 ให้รถยนต์ Tesla Model S, X และ 3 มีฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย อันที่สำคัญก็เช่นการเปิดใช้กล้องรอบตัวครบ 8 ตัว ช่วยให้รถรับรู้สถานการณ์รอบตัวได้ดีขึ้น รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับการนำทางขณะใช้ฟีเจอร์ขับอัตโนมัติ (Autopilot)
ฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้ล้วนต้องใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์บนรถมากขึ้น ซึ่งอาจใกล้ถึงขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์ปัจจุบันที่ใช้ NVIDIA Drive PX2 โดย Tesla ก็ทราบเรื่องนี้ดีและเคยจ้าง Jim Keller นักออกแบบชิปมือดีจาก AMD เข้ามารับตำแหน่งรองประธานฝ่ายฮาร์ดแวร์ Autopilot เพื่อสร้างชิป AI ของตนเอง
Audi ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนีประกาศความร่วมมือกับ Huawei ในงาน Huawei Connect 2018 ในการพัฒนาระบบติดต่อสื่อสารบนรถยนต์ที่เรียกว่า Intelligent Connected Vehicle (ICV) ทั้งระหว่างรถยนต์และรถยนต์กับโครงสร้างพื้นฐาน (Vehicle-2-Infrastructure Communication)
รถยนต์ที่ Audi นำมาเป็นต้นแบบคือ Audi Q7 ซึ่งจากความร่วมมือนี้ ไม่เพียงแต่ระบบสื่อสารเท่านั้น แต่ทั้งสองบริษัทยังจะช่วยกันพัฒนาฟังก์ชันขับเคลื่อนอัตโนมัติบนรถยนต์ด้วย โดยตั้งเป้าคือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 4
หลังมีข่าว Honda ร่วมลงทุนใน Cruise บริษัทรถไร้คนขับของ GM ค่ารถยนต์เพื่อนร่วมชาติอย่าง Toyota ก็ไม่ได้อยู่เฉยเช่นกัน เพราะล่าสุดประกาศตั้งบริษัทร่วมทุนกับ SoftBank เพื่อพัฒนารถยนต์ไร้คนขับแล้ว
บริษัทที่ Toyota และ SoftBank ร่วมทุนกันตั้งขึ้นมาชื่อ Monet Technologies Corp. ด้วยทุน 2 พันล้านเยนและอาจเพิ่มทุนอีกจนสูงถึง 1 หมื่นล้านเยน Toyota และ SoftBank ถือหุ้นกันคนละราว 50% เป้าหมายของ Monet ขั้นแรกอาจเป็นการพัฒนาบริการเรียกรถไร้คนขับแบบ Ride-Hailing ส่วนขั้นต่อไปจะล้ำไปกว่านั้น อาทิ รถไร้คนขับเดลิเวอรี่ที่สามารถปรุงอาหารได้ในรถ หรือรถพยาบาลที่สามารถรักษาผู้ป่วยได้เบื้องต้นเลยบนรถ
Kyle Vogt ซีอีโอของ Cruise บริษัทพัฒนารถไร้คนขับที่ถูก GM ควบรวมประกาศว่า Honda บริษัทรถสัญชาติญี่ปุ่นได้ร่วมขบวนมาลงทุนใน Cruise ด้วยเม็ดเงินกว่า 2.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามหลังกองทุน SoftBank ที่มาลงทุนไว้ 2.25 พันล้านเหรียญ
Cruise บอกว่าการลงทุนครั้งนี้ทำให้ทาง Honda จะมาร่วมพัฒนารถไร้คนขับร่วมกับ Cruise และ GM พร้อมระบุว่าการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทรถยนต์ที่นอกเหนือจากในเครือ GM จะเกิดประโยชน์กับลูกค้าและเป็นแนวทางที่ถูกต้องสำหรับ Honda รวมถึงช่วยเร่งให้การนำรถไร้คนขับออกมาวิ่งบนถนนจริงได้เร็วมากยิ่งขึ้น
Google ประกาศเป็นพาร์ทเนอร์กับกลุ่มพันธมิตรรถยนต์ Ranault, Nissan และ Mitsubishi ที่มียอดขายรถยนต์รวมกันมากที่สุดในโลก เพื่อนำ Android Automotive ซึ่งเป็น infotainment แบบโอเพนซอร์สที่พัฒนาบนแอนดรอยด์ ไปใช้งานในรถยนต์ของทั้ง 3 ค่าย โดยจะเริ่มตั้งแต่รถที่วางจำหน่ายในปี 2021 เป็นต้นไป
ผู้บริหารของพันธมิตรรถยนต์ทั้ง 3 ค่ายระบุว่า สาเหตุที่เลือกที่จะเป็นพาร์ทเนอร์กับ Google ก็เพราะลูกค้าส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการใช้งาน Google Maps อยู่แล้ว และเลือกที่จะใช้แผนที่นำทางของ Google มากกว่าซอฟต์แวร์ที่ค่ายรถยนต์ติดตั้งไปให้ พร้อมยอมรับว่า Google มีสิทธิเก็บข้อมูลที่เกิดจากการใช้งานแอปบน Android Automotive ด้วย แต่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของรถก่อน
Tesla ประสบปัญหาคอขวดด้านการผลิต Model 3 มาตลอด ซึ่งถึงแม้ตอนนี้อัตราการผลิตจะมีขึ้นมากแล้ว แต่บริษัทกลับเจอปัญหาอีกต่อหนึ่ง คือการส่งมอบไปยังลูกค้า ซึ่งก่อนหน้านี้ Tesla ถึงกับต้องไปส่งให้ลูกค้าเองโดยตรง แทนที่จากเดิมที่ต้องนำไปส่งที่โชว์รูมแล้วให้ลูกค้ามารับ
ล่าสุดมีลูกค้าที่สั่งจอง Tesla ทวีตพร้อมถ่ายรูปรถที่ผลิตเสร็จแล้วแต่ถูกจอดทิ้งเอาไว้รอการส่งมอบ พร้อมระบุว่ารถของเขาอยู่ในนี้แต่ที่ผ่านมาได้รับการแจ้งว่าการส่งมอบมีการดีเลย์มาโดยตลอด ซึ่ง Musk มาตอบทวีตบอกขอโทษ บริษัทกำลังประสบปัญหาการส่งมอบหลังเพิ่งแก้ปัญหาการผลิตไป แต่เจ้าตัวยอมรับว่าปัญหานี้แก้ง่ายกว่ามาก บริษัทกำลังเร่งแก้ไขและน่าจะแก้ได้ในเร็วๆ นี้
Klaus Froehlich หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ BMW Group เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทเกี่ยวกับรถไฟฟ้าว่า บริษัทจะต้องลดต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะอยู่รอดในสมรภูมินี้ โดยแนวทางของ BMW คือการเป็นพาร์ทเนอร์กับแหล่งวัตถุดิบสำหรับผลิตแบตเตอรี่โดยตรงเลย
Froehlich ระบุว่าตอนนี้บริษัทเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทเหมืองโคบอลต์ที่ไม่มีการใช้แรงงานเด็กหรือเอาเปรียบคนงานแล้ว แต่จะมีเพิ่มตามมาอีก ขณะที่ผู้ผลิตแบตเตอรี่ BMW จ้างบริษัท Contemporary Amperex Technology ของจีนและซัมซุง
นอกจากแบตเตอรี่ BMW ยังเล็งจะเป็นพันธมิตรกับบริษัทรถยนต์รายอื่นรวมถึงซัพพลายเออร์ เพื่อสร้างมาตรฐานสำหรับระบบรถไร้คนขับ ซึ่งตอนนี้เริ่มคุยกับบางรายไปแล้ว
การปลดล็อกรถ Tesla Model 3 ครั้งนี้ไม่ใช่การแฮ็กหรือเจาะระบบใดๆ ทั้งสิ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าคนร้ายสามารถเข้าถึงระบบซัพพอร์ทลูกค้าของTesla ได้ ก่อนจะนำไอดีรถยนต์เพิ่มเข้าไปในแอคเคาท์ Tesla บนสมาร์ทโฟน ทำให้เจ้าตัวสามารถปลดล็อกรถและขับรถออกไปได้
Model 3 คันดังกล่าวเป็นของ Trevls บริษัทให้เช่ารถ Tesla ซึ่งเมื่อรถถูกขโมยและปิด GPS ทาง Trevla จึงติดตามจากข้อมูลจากการใช้งานสถานี Supercharging ของรถคันดังกล่าว และส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ก่อนที่คนร้ายจะถูกจับได้ในรัฐเท็กซัส คิดเป็นระยะทางจากรัฐมินนิโซตากว่า 1,600 กิโลเมตร
ตั้งแต่ยุคแรกๆ ของ Tesla ที่ยังมีผู้ใช้ไม่มากนัก Tesla มีโครงการ “เพื่อนชวนเพื่อน” ให้มาซื้อรถ Tesla Model S และ X เพื่อรับสิทธิ์ชาร์จไฟจากเครือข่าย Supercharger ฟรีไม่อั้น โครงการนี้ก็ดำเนินเรื่อยมาจนมาถึงยุค Tesla Model 3 ที่เป็นรถรุ่นถูกสุดของบริษัทก็ไม่ได้ให้สิทธิ์นี้ แต่ให้เฉพาะผู้ที่ซื้อ Model 3 Performance ซึ่งเป็นรุ่นแพงเท่านั้น
ล่าสุด Tesla ประกาศยกเลิกสิทธิ์ชาร์จไฟฟรีแล้ว โดยหลังจากวันนี้หากชวนเพื่อนมาซื้อรถจะได้เครดิตสำหรับชาร์จไฟจำนวน 100 ดอลลาร์สหรัฐแทน