บริษัท Microsoft ประกาศข้อตกลงกับบริษัท Perceptive Pixel ในการขอเข้าซื้อกิจการ
บริษัท Perceptive Pixel เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการวิจัยและพัฒนาสินค้า พวกระบบจอสัมผัสขนาดใหญ่ควบวงจร คือประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2006 โดย Jeff Han
บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงนิวยอร์ก ในปี ค.ศ. 2008 บริษัทได้เปิดตัวสินค้าที่ทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักในวงกว้าง คือระบบจอสัมผัสขนาดใหญ่ครบวงจร ที่นำมาใช้ในการแสดงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยมีสำนักข่าว CNN และอีกหลายแห่งนำมาเป็นเครื่องมือช่วยในการรายงานข่าว
โครงการที่ถูกปิดไปของกูเกิลนอกจากที่เราเห็นโครงการก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีโครงการภายในจำนวนหนึ่งถูกปิดลงไปพร้อมๆ กันด้วย วิศวกรของกูเกิล คือ Scott Blum และ Jaime Yap ได้ออกมาเปิดโครงการภายในที่ถูกยกเลิกไปในชื่อว่า Collide (collaborative IDE)
Collide เป็น IDE ให้เรารันในเครื่องของเราเอง เพื่อแชร์ซอร์สโค้ดออกมาเป็นเว็บให้นักพัฒนาคนอื่นมาช่วยกันพัฒนาร่วมกันได้ โดย Collide สามารถเติมโค้ดอัตโนมัติ (autocomplete) ในภาษา HTML, CSS, JavaScript, และ Python โดยหลังจากกูเกิลยกเลิกโครงการนี้ก็เปิดซอร์สโค้ดของมันออกมาเป็นโครงการโอเพนซอร์ส
Nexus 7 แท็บเล็ตจากกูเกิลโดยตรงตัวแรกที่มีราคาขายเพียง 199 ดอลลาร์อาจจะน่าซื้อมากขึ้น เมื่อ TechInsight รายงานต้นทุนชิ้นส่วน (Bill of Material - BOM) ของมันมีราคาถึง 184 ดอลลาร์ เมื่อรวมต้นทุนค่าขนส่งและค่าการตลาดแล้วแสดงว่ากูเกิลกำลังขาย Nexus 7 ในราคาขาดทุนอยู่
ราคาต้นทุน 184 ดอลลาร์เป็นต้นทุนของรุ่น 8GB ขณะที่รุ่น 16GB นั้นมีราคาขายเป็น 249 ดอลลาร์ แต่ต้นทุนของชิปแฟลช 8GB กลับมีราคาเพียง 8 ดอลลาร์ ก็น่าจะทำกำไรให้กูเกิลมาชดเชยได้
นับตั้งแต่ Thunderclap ได้รับการเปิดตัวไปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ได้รับความสนใจจากสื่ออยู่พอสมควรเหมือนกัน ในฐานะที่เป็น Crowdspeaking Platform (แพลตฟอร์มระดมเสียงสนับสนุน) ตัวแรกของโลก
แนวคิดของ Thunderclap คือการช่วยให้สารหรือข้อความที่ "น่าสนใจ" หรือ "มีคุณค่า" ถูกขยาย (amplify) ให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง ด้วยการให้ผู้ใช้งานที่เห็นด้วยกับข้อความนั้นเข้ามาลงชื่อสนับสนุน เมื่อได้จำนวนผู้สนับสนุนครบตามที่ต้องการ ก็จะให้ทุกคนที่มาสนับสนุนร่วมแชร์ข้อความนั้นไปพร้อมกันตามเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อสร้างกระแสให้เกิดขึ้น
EPEAT (Electronic Product Environmental Assessment Tool) หรือหน่วยงานที่ดูแลมาตรฐานเกี่ยวกับผลกระทบของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ด้านสิ่งแวดล้อมประกาศว่า แอปเปิลได้แจ้งขอถอดผลิตภัณฑ์ออกจากการรับรอง และจะไม่ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเข้ารับการตรวจสอบความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป
iFixit ได้ลองแกะ MacBook Pro รุ่นจอแบบ Retina ก็ไม่พบการประทับตรา EPEAT แล้ว และยังพบว่าแอปเปิลเลือกใช้กาวที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในการติดแบตเตอรี่เข้ากับเครื่อง และเคสของเครื่องก็แทบจะไม่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ iFixit ยังรายงานว่ารายงานด้านสิ่งแวดล้อมของ MacBook Pro รุ่นจอปกติก็ไม่มีการกล่าวถึงมาตรฐาน EPEAT เช่นกัน
คุณ Richard Kerris หัวหน้าฝ่ายนักพัฒนาสัมพันธ์ของ Nokia ออกมาให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Neowin ซึ่ง Kerris ยืนยันเรื่องการมาของ Nokia Lumia PureView ว่า "very soon" โดย Kerris ได้อธิบายว่า แม้ Nokia 808 PureView จะประสบความสำเร็จมากในหลายประเทศ แต่ปัญหาหลักคือ ระบบปฏิบัติการที่เก่าและล้าสมัย ประกอบกับมีผู้คนจำนวนมากเรียกร้องให้นำลงตระกูล Lumia เสียที (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมาพร้อมกับ Windows Phone 8 หรือไม่ - ผู้เขียน)
Wall Street Journal (WSJ) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า หลังจากแอปเปิลได้เริ่มดำเนินเกี่ยวกับการชำระเงินผ่านอุปกรณ์พกพา (mobile payment) เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กูเกิลเปิดตัว Google Wallet และมีการประชุมระหว่างผู้บริหารระดับสูงและเหล่าวิศวกรเมื่อต้นปีนี้ แอปเปิลได้ตัดสินใจรอดูทิศทางก่อนที่จะลงมาทำตลาดอย่างจริงจัง
ช่วงหลังๆ มานี้มีกระแสการประเมิน-คาดการณ์-พยากรณ์ว่า "RIM ตายแน่" ออกมาเยอะมาก (หลังผลประกอบการแย่-BB10 เลื่อน) จนซีอีโอ Thorsten Heins ต้องออกมาแก้ลำโดยเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ The Globe and Mail ของแคนาดา
ประโยคแรกสุดที่ Heins บอกแก่ผู้อ่านคือ "Don't count BlackBerry out." หรือ "สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพ BlackBerry"
เขาบอกว่าในฐานะประธานและซีอีโอของบริษัท เขาเข้าใจความกังวลของผู้ถือหุ้นและแฟนๆ แต่เขาก็เชื่อว่า RIM ยังเป็นบริษัทที่ห่างไกลกับ "ความตาย" อยู่มาก และปัญหาในระยะสั้นของ RIM ก็ไม่ได้แปลว่าอุตสาหกรรมไอทีของแคนาดากำลังมีปัญหาตามไปด้วย
ปัจจุบันการเล่นวิดีโอจาก YouTube ในแอพของ Android (ที่ไม่ใช่เว็บเบราว์เซอร์หรือแอพ YouTube ที่กูเกิลทำเอง) กลับเป็นเรื่องยากเกินความจำเป็นไปมาก แนวทางของผู้พัฒนาแอพเหล่านี้คือการฝัง iframe ลงใน webview เป็นหลัก
แต่ในงาน Google I/O 2012 กูเกิลก็ประกาศแผนเบื้องต้นของ YouTube Android Player API แล้ว ซึ่งนักพัฒนาแอพอื่นๆ จะสามารถเข้าถึงวิดีโอบน YouTube ได้ง่ายขึ้นมาก และประสบการณ์เล่นวิดีโอภายในแอพจะดีขึ้นตามไปด้วย
API ชุดนี้จะรองรับหน้าจอหลายขนาด (ตั้งแต่มือถือไปยัน Google TV), เล่นวิดีโอแบบเต็มหน้าจอได้, ตรวจทิศทางการหมุนจอได้, สามารถปรับคุณภาพของวิดีโอตามความเร็วการเชื่อมต่อ และรองรับการโฆษณาบนวิดีโอด้วย
RapidShare ออกซอฟต์แวร์แชร์ข้อมูลผ่านกลุ่มเมฆ RapidDrive ซึ่งอธิบายง่ายๆ ว่ามันคือ Dropbox เวอร์ชันของ RapidShare นั่นเอง
RapidDrive มีฟีเจอร์ทุกอย่างที่ซอฟต์แวร์กลุ่ม cloud storage พึงมี เช่น การประสานการทำงานร่วมกับ file manager หรือการทำงานอัตโนมัติเมื่อบูตเครื่อง (ตอนนี้ยังมีเฉพาะเวอร์ชันวินโดวส์ รองรับ XP ขึ้นไป)
ที่น่าสนใจคือ RapidDrive จะสร้างไดรฟ์เสมือน (ค่าปริยายคือ R:) ขึ้นมาเป็นไดรฟ์เก็บข้อมูลอีกอันเลย ต่างไปจากพวก Dropbox ที่แยกเป็นโฟลเดอร์ต่างหาก
ตอนนี้ RapidDrive ยังอยู่ในขั้นเบต้า ใช้ได้เฉพาะกลุ่มสมาชิก RapidPro แบบเสียเงินเท่านั้น เป้าหมายหลักคงเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ RapidPro เสียมากกว่าอย่างอื่น
ซัมซุงออกมาประเมินผลประกอบการประจำไตรมาส (preliminary report = คาดการณ์ตัวเลขผลประกอบการก่อนแถลงตัวเลขจริงๆ) ว่าจะมีกำไรสูงเป็นประวัติการณ์คือประมาณ 5.7-6.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนประมาณ 79%
ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากมือถือตระกูล Galaxy ที่มียอดขายร้อนแรงทั่วโลก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 65% ของกำไรทั้งหมดของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขกำไรที่ว่ามายังน้อยกว่าที่นักลงทุนคาดกันไว้ ทำให้ราคาหุ้นของซัมซุงตกลงเล็กน้อย นอกจากนี้ซัมซุงยังมีปัญหาว่าธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่มือถือเริ่มประสบปัญหาต้นทุนเพิ่ม และค่าเงินยูโร (ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของซัมซุง) ตกลง ทำให้ตัวเลขกำไรเวลาคิดเป็นเงินวอนไม่เยอะอย่างที่เคยอีกด้วย
หลังจากไมโครซอฟท์หันมาทำแท็บเล็ต Surface ก็ส่งผลสะเทือนต่อวงการฮาร์ดแวร์ไม่น้อย รายที่มีท่าทีไม่พอใจคือ HP ซึ่งมีข่าวลือว่ายกเลิกแผนการทำแท็บเล็ต Windows RT (ARM) และจะเน้นแค่แท็บเล็ตที่ใช้ซีพียู x86 เพียงอย่างเดียว
ล่าสุดมีข่าวลืออกมาอีกชิ้นแต่ในทิศทางกลับกันคือ ซัมซุงกำลังพัฒนาแท็บเล็ต Windows RT อยู่หนึ่งรุ่น ใช้ซีพียู Qualcomm Snapdragon และจะเปิดตัวพร้อม Windows 8 รุ่นจริงในเดือนตุลาคมนี้ (ตามที่แหล่งข่าวระบุ)
ที่มา - Bloomberg
คนที่ทดลองใช้ Windows 8 รุ่นทดสอบต่างๆ คงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันเร็วขึ้นมาก และผลการทดสอบล่าสุดของ PC Magazine โดยเทียบ Windows 8 RP กับ Windows 7 Ultimate ก็ยืนยันว่า Windows 8 ชนะแบบทิ้งห่างในหลายแง่มุม
ที่ชัดเจนและจับต้องได้มากที่สุดคือเวลาที่ใช้บูตเครื่อง บนฮาร์ดแวร์ตัวเดียวกัน Windows 7 ใช้เวลา 38 วินาที ในขณะที่ Windows 8 RP ใช้เวลาน้อยกว่านั้นเกินเท่าตัวคือ 17 วินาที ส่วนเวลาปิดเครื่องก็ไปในทิศทางเดียวกันคือ Windows 7 ใช้เวลา 12.2 วินาที และ Windows 8 RP ใช้เวลา 9.9 วินาที
FBI เตรียมปิดเซิร์ฟเวอร์ของมัลแวร์ DNSChanger แล้วหลังจากปล่อยให้ผู้ใช้ได้ทำการตรวจสอบและกำจัดมัลแวร์ 3 เดือน ซึ่งการปิดเซิร์ฟเวอร์ในครั้งนี้จะส่งผลให้เครื่องที่ติดมัลแวร์ไม่สามารถเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ตามปกติ
ข่าวสั้นครับ Naver แจ้งผ่านทาง Twitter เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ได้สอบถามทางทวิตเตอร์ของผู้ผลิต LINE @NAVER_LINE ว่ามีแผนจะทำ LINE สำหรับ BlackBerry หรือไม่
โดยทาง Naver ผู้ผลิต LINE แจ้งว่า LINE สำหรับ BlackBerry นั้น จะออกในช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งก็คือประมาณเดือนสิงหาคม หรือ กันยายนนี้ ซึ่งทาง Naver ไม่ได้ระบุว่า จะรองรับ BlackBerry OS ตั้งแต่เวอร์ชันใด และรองรับ BIS หรือไม่ครับ
ที่มา : Naver_Line Twitter
จากคดีฟ้องร้องกันในสหรัฐฯ เป็นผลให้ Galaxy Nexus ถูกศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามขายจนกว่าคดีจะรู้ผล หลังจากนั้นไม่นานกูเกิลก็ให้สัมภาษณ์ว่าจะกลับมาขายในสัปดาห์หน้า และตอนนี้ Galaxy Nexus ก็กลับมาประจำการใน Play Store แล้ว
เพียงแต่ว่าระยะเวลาส่งของจากเดิมที่ส่งได้ภายในสองวัน ถูกปรับเพิ่มเป็น 2-3 สัปดาห์ และแน่นอนว่ามาพร้อมกับ จะมีอัพเดต Jelly Bean (ที่แก้ปัญหาสิทธิบัตรไปแล้ว) ตามมาเร็วๆ นี้ ส่วนราคาก็ลดลงเหลือ 349 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามที่ประกาศก่อนงาน Google I/O นั่นเอง
ที่มา - Engadget
สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) เปิดเผยว่า องค์กรจะจัดงานประชุม Patent Roundtable ในวันที่ 10 ต.ค. นี้ เพื่อให้ผู้ผลิตมือถือรายหลัก หน่วยงานของรัฐ และผู้ดูแลมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มาพูดคุยและแก้ปัญหาคดีความเกี่ยวกับสิทธิบัตรและปัญหาการปฏิบัติตามนโยบายเกี่ยวกับสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานในวงการอุตสาหกรรมที่มีอยู่
Hamadoun Touré เลขาธิการของ ITU เปิดเผยว่า ปัญหานี้จะต้องได้รับการพูดคุยเพื่อแก้ไขโดยด่วน เนื่องจากวัตถุประสงค์ของสิทธิบัตรก็เพื่อกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ไม่ใช่เพื่อการทำลายล้าง หากมีการยอมรับในความต้องการของผู้ถือครองสิทธิบัตร ผู้ใช้งาน และตลาด จะทำให้เกิดกฎหมายที่สร้างความเท่าเทียมกันในอุตสาหกรรมได้
ดัชนี TIOBE ที่พยายามวัดความนิยมของภาษาโปรแกรมออกสถิติเดือนกรกฎาคมพบสิ่งน่าสนใจคือภาษา Objective-C ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอด ได้คะแนนในดัชนีจนแซงหน้าภาษา C++ ไปแล้ว
ภาษา C++ มีความนิยมเป็นอันดับสามรองจากภาษา C และ Java มาตั้งแต่เริ่มวัดดัชนี TIOBE ช่วงกลางปี 2001 แต่ความนิยมตามดัชนีก็ตกลงมาเรื่อยๆ อย่างช้าๆ เช่นเดียวกับภาษา Java ที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมลดลงเช่นเดียวกัน
น่าสนใจว่าขณะที่ภาษา Objective-C นั้นได้รับความนิยมเพราะการเติบโตของ iOS เป็นหลัก การเติบโตของแอนดรอยด์ที่ใช้ Java เป็นแกนกลางกลับไม่สามารถดันความนิยมให้กลับขึ้นมาตามดัชนีนี้ได้
ที่มา - TIOBE
หลังจากที่ทีมงาน MeeGo ลาออกจาก Nokia ยกแผง ล่าสุดทีมงานเหล่านั้น (ในนามบริษัท Jolla) ทวีตข้อความว่า ตอนนี้พวกเขาได้ตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า Jolla เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสัญญาว่าพวกเขาจะพัฒนา MeeGo ต่อไป ส่วนใครที่รอสมาร์ทโฟน MeeGo ตอนนี้ได้หาพันธมิตรในการผลิตแล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็จะได้เห็นกัน
สิ่งหนึ่งที่หลายคนสงสัยคือพวกเขากลับไม่พูดถึงซี้เก่าอย่าง Intel ที่กำลังทำ Tizen อยู่ แต่คาดว่า MeeGo จะตัดขาดกับ Intel แน่แท้แล้ว
เท่านี้ก็ยืนยันแล้วว่า MeeGo ยังไม่ตายนะครับ
ความเสียเปรียบสำคัญของ ARM ต่อสถาปัตยกรรม x86 คือ การรองรับ 64 บิตที่ฝั่ง x86 นั้นรองรับมาหลายปีแล้ว ล่าสุดรายละเอียดของ ARMv8 หรือชื่อในลินุกซ์คือ AArch64 ก็เริ่มเปิดเอกสารและซอร์สโค้ดสำหรับลินุกซ์แล้ว
ส่วนสำคัญของข้อมูลที่เปิดเผยมาได้แก่
Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple ได้แสดงความคิดเห็นของเขาที่มีต่อ Microsoft, Surface และ Metro UI ในงาน Entel Summit (Entel เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชั้นนำในชิลี) โดยกล่าวชม Microsoft กับแนวทางใหม่ในการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าแข่งขันในตลาดคอนซูเมอร์
เขาได้พูดถึงสายผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน Lumia ว่า "เป็นอะไรที่ดูดีมากและเป็นสิ่งที่ Steve Jobs มองหามาโดยตลอดนั่นก็คือการผสมผสานกันระหว่างศิลปะและเทคโนโลยี" (เป็นที่รู้กันว่า Steve Wozniak เองก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้งาน Lumia 900 และประทับใจมากจนเป็นข่าวมาแล้ว)
การโหลดบิตผ่านหน้าเว็บไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มันกำลังจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากขึ้น เพราะบริษัท BitTorrent Inc. ได้เปิดตัว BitTorrent Torque ไลบรารีจาวาสคริปต์ที่คอยเชื่อมเว็บกับไคลเอนต์ BitTorrent เข้าด้วยกัน
BitTorrent Torque จะเป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานให้เราเห็นการใช้งาน BitTorrent ผ่านเว็บในรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ตัวอย่างขั้นต้นที่บริษัท BitTorrent Inc. โชว์ให้ดูมีสองอย่างคือการแชร์ไฟล์ข้ามเครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่านหน้าเว็บ (เบื้องหลังส่งข้อมูลกันผ่านไคลเอนต์ BitTorrent) และการดาวน์โหลดบิตเสมือนว่าดาวน์โหลดไฟล์ผ่านเบราว์เซอร์ (ใช้กับ Chrome)
ข่าวร้ายสำหรับผู้ใช้ Thunderbird ทุกท่านครับ หลังจากที่โครงการประสบปัญหาไม่สามารถต้านทานกระแสเว็บเมลได้ จนต้องลดทรัพยากรนักพัฒนาลงมาเรื่อยๆ ล่าสุดทาง Mozilla ออกมาประกาศแนวทางใหม่สำหรับการพัฒนา Thunderbird ในอนาคตแล้ว
Thunderbird จะถูกแยกออกเป็น 2 รุ่นคือ Thunderbird ESR (Extended Support Release) สำหรับผู้ใช้อีเมลในองค์กร ที่ไม่เน้นฟีเจอร์ใหม่หวือหวา (เพราะฟีเจอร์ด้านอีเมลของ Thunderbird ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว) การพัฒนาจะเน้นไปที่เสถียรภาพ ความปลอดภัย และการแก้บั๊กเป็นหลัก ออกรุ่นใหม่ทุก 6 สัปดาห์ (ถึงจะออกเร็ว แต่ว่าแต่ละรุ่นคงไม่มีอะไรต่างกันมาก)
ข่าวการระเบิดของ Galaxy S III ในไอร์แลนด์ ทำให้ซัมซุงต้องรีบเข้าไปสืบสวนกรณีนี้อย่างเร่งด่วน และตอนนี้ผลสืบสวนก็ออกมาแล้วว่าเครื่อง S III ทื่ระเบิดเป็นเพราะสาเหตุภายนอก
ผู้ใช้ที่ชื่อว่า dillo2k10 ผู้รายงานปัญหานี้ครั้งแรกได้ออกมาระบุว่าโทรศัพท์ของเขาถูกผู้อื่นเอาไปทำให้แห้ง ส่วนทางซัมซุงได้ติดต่อหน่วยงานสอบสวนเพลิงไหม้ และรายงานผลการสอบสวนพบว่าสาเหตุเดียวที่จะทำให้เกิดการระเบิดแบบในข่าวที่ผ่านมาได้คือการใส่โทรศัพท์ไปในเตาไมโครเวฟ
ที่มา - Samsung Tomorrow
หลังจากจบคดีในศาลชั้นต้น ที่ออราเคิลสามารถเรียกค่าเสียหายจากกูเกิลได้ไม่เกิน 300,000 ดอลลาร์ (และตัดสินใจไม่เรียกเลยในที่สุด) ตอนนี้กูเกิลก็เรียกร้องค่าใช้จ่ายในคดีกลับไปยังทางออราเคิลแล้วเป็นเงิน 4 ล้านดอลลาร์
เงินสี่ล้านดอลลาร์แบ่งออกเป็นสามส่วน 2.9 ล้านดอลลาร์เป็นค่าทำสำเนาเอกสารและค่าจัดเรียงเอกสารเหล่านั้น 143,000 ดอลลาร์เป็นค่าพิมพ์หรือบันทึกเอกสารในคดี และอีก 986,000 ดอลลาร์ เป็นค่าผู้เชี่ยวชาญในคดี
ก่อนหน้านี้ศาลมีคำสั่งให้ออราเคิลจ่ายเงินให้กับกูเกิลเป็นค่าทนายไปก่อนแล้ว 300,000 ดอลลาร์
ที่มา - Wired