Tesla ประกาศลดราคา Subscription ซอฟต์แวร์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Full Self-Driving (FSD) สำหรับลูกค้าในอเมริกา จากเดิม 199 ดอลลาร์ต่อเดือน เหลือ 99 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งราคา 199 ดอลลาร์นั้นเป็นราคาที่ใช้มานานแล้ว
การซื้อซอฟต์แวร์ FSD นั้นมีสองวิธีคือจ่ายรายเดือน หรือซื้อขาด ซึ่ง Tesla ปรับราคาขึ้นมาเรื่อย ๆ ราคาล่าสุดคือ 12,000 ดอลลาร์ ทำให้เมื่อเทียบกับการจ่าย Subscription แล้ว เท่ากับระยะเวลา 10 ปี ก็น่าจะทำให้คนที่ยังไม่ได้สมัครต้องพิจารณากันใหม่
ซอฟต์แวร์ FSD สำหรับ Tesla ในไทยหรือ ความสามารถในการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ คิดราคาเพิ่มเติม 244,000 บาท
Cruise บริษัทรถยนต์ไร้คนขับในเครือ GM ประกาศกลับมาทดสอบการให้บริการอีกครั้ง หลังจากถูกสั่งหยุดให้บริการทั้งหมดไปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เนื่องจากกรณีอุบัติเหตุรถชนคนแล้วลากคนบาดเจ็บต่อไปอีก 20 ฟุต เกิดผลสืบเนื่องทั้งซีอีโอ ผู้ร่วมก่อตั้งลาออก และการปลดพนักงานจำนวนมาก
Cruise บอกว่าบริษัทยังคงมีเป้าหมายเดิม คือกลับมาให้บริการรถยนต์ไร้คนขับ แต่ระหว่างนี้บริษัทต้องกลับมาสร้างความเชื่อถือให้ได้ โดยจะทดสอบวิ่งในบางเมือง แบบใช้คนควบคุมรถ ตามแผนที่และข้อมูลเส้นทางที่ระบบสร้างขึ้น ขั้นตอนนี้เป็นพื้นฐานก่อนจะก้าวไปสู่รถยนต์ไร้คนขับอีกครั้ง ซึ่ง Cruise จะทดสอบที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา เป็นแห่งแรก
ในขณะที่บริษัทรถยนต์ไร้คนขับค่ายคู่แข่ง Cruise กำลังประสบปัญหาหนัก ฝั่งของ Waymo ในเครือ Alphabet ดูไปได้สวย ล่าสุดประกาศขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มอีก 2 เมืองในสหรัฐคือ ลอสแอนเจลิส และ ออสติน ตอนนี้มีเมืองให้บริการ 4 เมืองแล้ว (สองเมืองแรกคือ ฟีนิกซ์ และซานฟรานซิสโก)
กรณีของแอลเอ Waymo เปิดทดสอบให้คนทั่วไปใช้งานฟรีมาระยะหนึ่ง หลังได้รับอนุมัติจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็จะเปิดบริการเชิงพาณิชย์ เริ่มเก็บเงินในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยทยอยเปิดให้ลูกค้าที่ลงทะเบียนรอใช้งาน 50,000 คน ทยอยใช้ทีละกลุ่ม
Arm เปิดตัวชุดประมวลผลใหม่สำหรับยานยนต์ (Automotive Enhanced - AE) เพื่อรองรับความต้องการในการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไร้คนขับที่ต้องการการประมวลผล AI มากขึ้น
เทคโนโลยีของ AE ออกแบบบนพื้นฐานของ Armv9 ร่วมกับแพลตฟอร์มการทำงานระดับเซิร์ฟเวอร์ Neoverse มาใส่ในยานยนต์เป็นครั้งแรก โดยผลิตภัณฑ์ที่ Arm เปิดตัวมีหลายรายการ อาทิ Arm Neoverse V3AE สำหรับงานประมวลผล AI และ ADAS, Arm Cortex-A720AE กับ Arm Cortex-A520AE ชิป SoC เน้นควบคุมการใช้พลังงานและความปลอดภัย, Arm Cortex-R82AE รองรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูงเรียลไทม์ 64-bit
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข้อมูลเกี่ยวกับแอปเปิลในจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On ซึ่งคราวนี้เขาลงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ ที่แอปเปิลตัดสินใจยุติโครงการ หลังจากตั้งทีมเฉพาะและพัฒนามาเกือบสิบปี
ครั้งนี้ Gurman ได้รายละเอียดเกี่ยวกับหน้าตาการออกแบบรถยนต์ที่แอปเปิลวางแผนพัฒนา โดยรูปแบบสุดท้ายที่ใช้ คล้ายกับรถ Canoo Lifestyle Vehicle ปี 2020 (ภาพขวา) เป็นรถดีไซน์โค้งมนรอบคันสีขาว กระจกรอบสีดำสามารถปรับระดับสีได้ หลังคากระจกซันรูฟ เป้าหมายคือขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ระดับ 5
จากข่าวแอปเปิลประกาศเป็นการภายในว่าบริษัทตัดสินใจยกเลิกโครงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า หรือโค้ดเนม Project Titan เพื่อย้ายพนักงานไปโฟกัสการพัฒนาด้าน AI แทน The New York Times มีข้อมูลเพิ่มเติมจากการสอบถามพนักงานแอปเปิลหลายคนที่เกี่ยวข้อง ทำให้พบข้อมูลน่าสนใจหลายอย่าง
มีรายงานว่าศาลชั้นต้น สำหรับเขตทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย ได้ตัดสินคดีที่ Xiaolang Zhang อดีตวิศวกรที่เคยทำงานโครงการรถยนต์ไร้คนขับของแอปเปิล (Project Titan) ขโมยความลับทางการค้าของแอปเปิล ขณะย้ายไปทำงานที่ Xpeng บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีน โดยให้จำคุกเป็นเวลา 120 วัน และควบคุมความประพฤติเป็นเวลา 3 ปี รวมทั้งจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 146,984 ดอลลาร์
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข้อมูลล่าสุดภายในแอปเปิลเกี่ยวกับโครงการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งแอปเปิลได้พัฒนาและมีรายงานข่าวออกมานานหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้บอกว่าแอปเปิลปรับแผนโครงการอีกครั้ง โดยลดฟีเจอร์ความสามารถลง
ตามแผนเดิมนั้นแอปเปิลต้องการพัฒนารถยนต์อัตโนมัติที่ระดับ 4 ซึ่งสามารถขับเคลื่อนได้เองแบบจำกัดพื้นที่ แต่ตอนนี้แอปเปิลได้ปรับแผนพัฒนามาที่ระดับ 2+ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยเหลือในการขับรถ คล้ายกับระบบปัจจุบันของ Tesla ที่ผู้ขับขี่ยังต้องดูถนนและคอยควบคุมรถ
Elon Musk สัญญาเรื่องระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบในรถ Tesla มานานหลายปีแล้ว แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไปไม่ถึงจุดนั้นเสียที แม้จะตั้งชื่อโหมดว่า FSD หรือ Full Self-Driving มาแต่แรกจนเป็นเรื่องเป็นราวมาบ้าง ล่าสุดวันนี้ Tesla เริ่มปล่อย FSD Beta v12 ให้รถบางคันแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้ปล่อยให้เฉพาะพนักงาน Tesla เท่านั้น
Tesla ระบุว่า FSD Beta v12 อัพเกรดระบบขับอัตโนมัติในเมืองไปใช้โครงข่ายประสาท (neural network) ที่ฝึกบนคลิปวิดีโอหลายล้านคลิป และมาแทนที่โค้ด C++ กว่า 3 แสนบรรทัด หรือพูดอีกอย่างก็คือ Tesla ได้เปลี่ยนไปใช้ AI คุมรถแทนโค้ดที่มนุษย์เขียนขึ้นมาเพื่อรันระบบดังกล่าว
หลังจากโซนี่โชว์รถยนต์ต้นแบบ Afeela ที่ร่วมทุนพัฒนากับฮอนด้าไปตั้งแต่ต้นปี 2023 แล้วเงียบหายไปหนึ่งปีเต็ม ล่าสุดโซนี่ใช้เวทีงาน CES 2024 อัพเดตความคืบหน้าของ Afeela ดังนี้
Waymo ออกรายงานวิเคราะห์ข้อมูลจากการขับขี่ของรถไร้คนขับของตัวเองในเมือง Phoenix แอริโซนา, Los Angeles และ San Francisco กว่า 7.1 ล้านไมล์ โดยเป็นข้อมูลรถไร้คนขับล้วนๆ แบบไม่รวมการขับแบบมีคนนั่งหลังพวงมาลัย เพื่อเฝ้าระวัง
Waymo พบว่ารถไร้คนขับของตัวเอง มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุร้่ายแรงที่ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ ได้น้อยกว่าคนขับถึง 85% และมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย (เช่น เฉี่ยวชน) ได้น้อยกว่าคนขับ 57% หรือคิดเป็นจำนวนอุบัติเหตุที่น้อยกว่าคนขับ 17 ครั้งและ 20 ครั้งตามลำดับ หากเปรียบเทียบให้คนขับเส้นทางเดียวกันระยะทางเดียวกันกับที่ Waymo ให้บริการ
เมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว Waymo บริการแท็กซี่ไร้คนขับในเครือ Alphabet เริ่มให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารที่สนามบินของเมืองฟีนิกซ์ ถือเป็นบริการรถยนต์ไร้คนขับรายแรกในโลกที่ให้บริการในสนามบิน
อย่างไรก็ตาม บริการของ Waymo ยังไปไม่ถึงหน้าอาคารเทอร์มินัลสนามบินโดยตรง เพราะจะขับไปส่งแค่จุดจอดรถชัทเทิลบัสที่บริเวณสถานีรถไฟ 44th Street Sky Train ใกล้สนามบินเท่านั้น ผู้โดยสารต้องเปลี่ยนไปนั่งรถชัทเทิลเพื่อเข้าอาคารเทอร์มินัลอีกทีหนึ่ง
หน่วยงานด้านขนส่งทางบกของรัฐแคลิฟอร์เนีย (California Department of Motor Vehicles หรือ DMV) สั่งให้ Cruise บริษัทรถยนต์ไร้คนขับในเครือ GM หยุดให้บริการไม่มีกำหนด ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
DMV ระบุว่า Cruise ไม่ปฏิบัติตามกฎด้านความปลอดภัย 4 ข้อ ข้อที่สำคัญคือรถยนต์ไร้คนขับของ Cruise ไม่ปลอดภัยเพียงพอสำหรับวิ่งบนถนนสาธารณะ
เว็บไซต์ TechCrunch เปิดเผยว่าสาเหตุมาจากรถยนต์ของ Cruise เกิดอุบัติเหตุในเมืองซานฟรานซิสโกเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม เหตุการณ์คือ Cruise จอดรถติดไฟแดงคู่กับรถยนต์อีกคันยี่ห้อ Nissan แล้วมีคนเดินข้ามถนนมาพอดี โดนรถยนต์ Nissan ชนแล้วกระเด็นมายังทิศที่ Cruise กำลังออกตัว ทำให้คนข้ามถนนมาติดอยู่ใต้รถของ Cruise
General Motor, Cruise (บริษัทลูกของ GM ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับ) และ Honda ประกาศในงาน Japan Mobility Show 2023 ถึงแผนการที่จะนำบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับ(Robotaxi) มาสู่ประเทศญี่ปุ่น โดยตั้งเป้าว่าจะเปิดให้บริการในใจกลางกรุงโตเกียวช่วงต้นปี 2026
บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับในญี่ปุ่นจะเริ่มต้นด้วยรถยนต์ไร้คนขับรุ่น Cruise Origins จำนวนหลาย 10 คัน และจะขยายเป็น 500 คัน พร้อมขยายพื้นที่ให้บริการนอกกรุงโตเกียวในอนาคต โดยทั้ง 3 บริษัทเห็นถึงความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ
เกิดเหตุการณ์รถแท็กซี่ไร้คนขับของ Cruise ชนกับรถดับเพลิงในเมืองซานฟรานซิสโก จนทำให้ผู้โดยสารของ Cruise บาดเจ็บไม่ร้ายแรง
Cruise รายงานว่าเหตุการณ์เกิดช่วง 22.00 น. ของวันที่ 17 สิงหาคม โดยรถของ Cruise กำลังข้ามสี่แยกในฝั่งที่เป็นไฟเขียว แต่ชนเข้ากับรถดับเพลิงที่เปิดไฟฉุกเฉินและวิ่งข้ามแยกเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่
เมื่อวันจันทร์ คณะรัฐมนตรีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้อนุมัติใบอนุญาตทดสอบรถยนต์ไร้คนขับระดับ L4 ในประเทศให้แก่ WeRide บริษัทรถยนต์ไร้คนขับสัญชาติจีน ให้สามารถนำรถมาวิ่งทดสอบบนถนนได้ทั่วประเทศ
UAE เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ค่อนข้างจริงจังเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับค่อนข้งมาก โดยล่าสุดนอกจากให้ใบอนุญาตกับ WeRide แล้ว คณะรัฐมนตรียังผ่านกฎหมายที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับออกมาพร้อมๆ กัน เช่นโครงการสร้างเครือข่ายแท่นชาร์จทั่วประเทศ, กฎหมายควบคุมตลาดรถไฟฟ้า หรือนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมรถไร้คนขับ เป็นต้น
Cruise บริษัทรถยนต์ไร้คนขับในเครือ GM ประกาศว่าให้บริการบนถนนจริงครบ 1 ล้านไมล์ (ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในเขตเมืองซานฟรานซิสโก) ใช้เวลา 15 เดือนนับจากเริ่มให้บริการช่วงปลายปี 2021
Cruise ยังเผยสถิติว่ารถยนต์ไร้คนขับของตัวเองมีความปลอดภัยกว่าการขับโดยมนุษย์
The Washington Post มีบทความวิเคราะห์ปัญหา Full Self-Driving (FSD) ของ Tesla ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จนถูกหน่วยงานความปลอดภัยทางหลวงของสหรัฐ NHTSA สั่งให้เรียกคืน (recall) เพื่ออัพเดตซอฟต์แวร์
แหล่งข่าวของ The Washington Post มาจากการสัมภาษณ์อดีตพนักงานและผู้เกี่ยวข้องหลายราย ซึ่งพูดตรงกันว่าสาเหตุหลักมาจากการที่ Elon Musk ตัดสินใจเลิกใช้ระบบเรดาร์เพื่อลดต้นทุน เปลี่ยนมาใช้กล้องอย่างเดียว ทำให้ระบบ FSD ไม่สามารถตรวจจับวัตถุรอบรถได้ดีพอ
Waymo รายงานถึงการให้บริการรถไร้คนขับพร้อมกับฉลองครบ 1 ล้านไมล์ (1.6 ล้านกิโลเมตร) แรกที่รถให้บริการโดยไม่มีคนขับจริงๆ ไม่เพียงแค่สามารถให้บริการได้จำนวนไมล์สูง แต่อัตราการเกิดอุบัติเหตุยังต่ำมาก มีเหตุชนแรงจนต้องใช้รถยกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกจากที่เกิดเหตุเพียง 2 ครั้ง และชนเล็กๆ น้อยๆ อีก 18 ครั้ง โดยรวมไม่มีผู้บาดเจ็บเลย
เกิดเหตุรถยนต์ Tesla Model S ขับไปชนรถดับเพลิงที่จอดอยู่บนไฮเวย์ I-680 ในพื้นที่มณฑล Contra Costa County ใกล้กับซานฟรานซิสโก คนขับเสียชีวิตในที่เกิดเหตุและต้องตัดรถยนต์ด้านหน้าเพื่อนำศพออกมา ผู้โดยสารอีกคนบาดเจ็บต้องส่งโรงพยาบาล ส่วนพนักงานดับเพลิงบนรถบาดเจ็บเล็กน้อย
เหตุการณ์นี้อาจเป็นแค่อุบัติเหตุทั่วไป แต่ก่อนหน้านี้ กรมทางหลวงของสหรัฐ (NHTSA) ได้สอบสวนอุบัติเหตุรถยนต์ Tesla ชนรถฉุกเฉินบนไฮเวย์หรือที่วิ่งในเลนฉุกเฉินอยู่บ่อยครั้ง (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2021 คือเกิดเหตุชน 12 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 17 คน และเสียชีวิต 1 คน) จึงมีความเป็นไปได้ว่าสาเหตุเกิดจากฟีเจอร์ Autopilot ทำงานไม่ถูกต้อง
Zoox บริษัทรถยนต์ไร้คนขับที่ Amazon ซื้อกิจการไปเมื่อปี 2020 เริ่มให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ (robotaxi) บนถนนจริงเป็นครั้งแรก
ความแตกต่างของ Zoox กับบริษัทรถยนต์ไร้คนขับอื่นๆ อย่าง Waymo/Cruise คือรถของ Zoox ออกแบบมาใหม่ทั้งหมด หน้าตาเป็นทรงกล่อง ไม่มีพวงมาลัย ไม่มีคันเร่งหรือเบรก เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อการโดยสารล้วนๆ ไม่มีที่นั่งคนขับเลย
รถแท็กซี่ของ Zoox จะเริ่มใช้บริการเป็นรถชัทเทิลขนส่งพนักงานของ Zoox ในพื้นที่สำนักงานที่เมือง Foster City รัฐแคลิฟอร์เนีย (ทางใต้ของซานฟรานซิสโก)
ที่มา - Zoox
ในสหรัฐอเมริกามีกลุ่มรณรงค์ชื่อ The Dawn Project นำโดย Dan O’Dowd เศรษฐีเจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ Green Hills Software ทำด้านระบบปฏิบัติการฝังตัว
กลุ่ม The Dawn Project รณรงค์ต่อต้านการใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติ Full Self-Driving ของ Tesla ว่ายังไม่มีความปลอดภัยมากพอสำหรับการใช้บนถนนจริงและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคนเดินถนนได้ (เป้าหมายคือระบบคอมพิวเตอร์ในภาพรวมควรปลอดภัย แต่สนใจ Tesla มากเป็นพิเศษ)
หน่วยงานด้านการขนส่งของเทศบาลนครซานฟรานซิสโก เขียนจดหมายถึงคณะกรรมการด้านการขนส่งระดับรัฐแคลิฟอร์เนีย ขอให้ "ชะลอ" การขยายบริการรถยนต์ไร้คนขับของบริษัท Cruise และ Waymo ออกไปก่อน ด้วยเหตุผลว่ารถยนต์ไร้คนขับเหล่านี้ถึงแม้ไม่อันตราย แต่มีพฤติกรรมกีดขวางการจราจรบนท้องถนน ทำให้การจราจรติดขัด และพนักงานดับเพลิงปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้
หลายคนอาจมีภาพจำว่าระบบช่วยขับของ Tesla หรือที่รู้จักกันในชื่อ Autopilot นั้นเป็นผู้นำตลาดเพราะบุกเบิกมาก่อนและสร้างชื่อเสียงมานาน แต่รายงานล่าสุดของ Consumer Reports กลับพบว่าไม่ใช่แบบนั้นแล้ว
Consumer Reports (CR) ได้ทดสอบระบบช่วยขับขี่ 12 ระบบทั้งในสนามปิดและบนถนนจริง และแบ่งเกณฑ์ออกเป็น 5 ประเภทคือความสามารถและประสิทธิภาพ, การกระตุ้นผู้ขับขี่, ความง่ายในการใช้งาน, การใช้งานเมื่อปลอดภัย และปฏิกิริยาเมื่อคนขับไม่ตอบสนอง
ผลการทดสอบสรุปออกมาว่าระบบ BlueCruise ของ Ford ได้คะแนนรวมสูงที่สุด 84 คะแนน ตามมาด้วย Super Cruise ของ GM (75 คะแนน) และ Driver Assistance ของ Mercedes-Benz (72 คะแนน) ส่วน Tesla Autopilot นั้นรูดไปอยู่อันดับ 7 ได้เพียง 61 คะแนน แพ้แม้กระทั่งระบบ Safety Sense 3.0 ของ Toyota ที่ได้ 65 คะแนน โดยเมื่อปี 2020 Tesla เคยอยู่อันดับ 2
ประเทศสิงคโปร์เริ่มให้บริการรถบัสไร้คนขับบนถนนจริงเป็นครั้งแรก โดยเป็นผลงานของบริษัท MooVita สตาร์ตอัพท้องถิ่นที่ก่อตั้งในปี 2016
รถบัสไร้คนขับคันนี้เรียกว่า MooBus มีที่นั่งผู้โดยสาร 13 คน จะให้บริการระหว่างสถานีรถไฟใต้ดิน MRT King Albert Park ไปยังวิทยาลัย Ngee Ann Polytechnic โดยยังต้องมีพนักงาน safety operator อยู่บนรถตลอดเวลา และต้องทำหน้าที่ขับในบางจังหวะหากสภาพถนนไม่ปกติ (เช่น ซ่อมถนน หรือ มีรถจอดกีดขวาง)