ในประกาศ ไมโครซอฟท์กำหนดหลักการเปิดกว้างสโตร์บน Windows และ Xbox ยังมีประกาศสำคัญคือ ไมโครซอฟท์การันตีว่า Call of Duty และเกมอื่นๆ ของ Activision Blizzard จะยังมีให้เล่นบน PlayStation ในระยะยาว แม้หมดสัญญาฉบับปัจจุบันระหว่าง Sony กับ Activision Blizzard แล้วก็ตาม เพื่อให้แฟนเกมเจ้าของเครื่อง PlayStation จะยังได้เล่นเกมที่ตัวเองรักต่อไป
ไมโครซอฟท์ยังบอกว่าสนใจจะใช้นโยบายเดียวกันกับเกมบนแพลตฟอร์ม Nintendo ด้วย โดยบริษัทเชื่อว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องสำหรับอุตสาหกรรมเกม และจะเป็นประโยชน์กับทุกคน
เมื่อปี 2020 ไมโครซอฟท์เคยออกมาประกาศแนวทางเปิดกว้างของ Microsoft Store จำนวน 10 ข้อ
ล่าสุดในปี 2022 ไมโครซอฟท์ออกมาประกาศหลักการ Open App Store Principles เพิ่มจำนวนข้อเป็น 11 ข้อ โดยระบุว่าประกาศแนวทางนี้เพื่อแสดงจุดยืนว่าหลังซื้อ Activision-Blizzard แล้วจะยังเปิดกว้างต่อไป
คดีความระหว่าง Epic Games กับแอปเปิลในประเด็นการผูกขาดวิธีจ่ายเงินบน App Store มีคำตัดสินจากศาลชั้นต้นเมื่อเดือนกันยายน 2021 สั่งให้แอปเปิลต้องเปิดกว้างมากขึ้นในการรองรับระบบจ่ายเงินเจ้าอื่น ซึ่ง Epic มองว่ายังไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ (ศาลไม่ได้มองว่าแอปเปิล "ผูกขาด") และขอยื่นอุทธรณ์ ทำให้กระบวนการทางคดีลากยาวต่อไป (Fortnite จึงยังถูกแอปเปิลแบนต่อ)
สำนักข่าว Bloomberg อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน ระบุว่า Nvidia เริ่มแจ้งพันธมิตรว่าดีลควบรวม Arm มูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์น่าจะล้มเหลว และแหล่งข่าวอีกรายระบุว่า SoftBank จะพยายามนำ Arm เข้าตลาดหุ้นแทนการขายทั้งบริษัท
การที่ Nvidia เข้าซื้อ Arm สร้างความกังวลใจให้หลายฝ่าย เนื่องจาก Arm นั้นเป็นเจ้าของเทคโนโลยีต้นน้ำที่คู่แข่ง Nvidia เองก็ใช้งานอยู่จำนวนมาก ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐแสดงท่าทีว่าจะสอบสวนการควบรวมครั้งนี้อย่างหนัก แม้ว่า Nvidia จะยืนยันว่าไม่ได้ต้องการยึดเทคโนโลยี Arm ไว้ใช้คนเดียว แต่จะขายให้บริษัทอื่นๆ ต่อไป
ต่อจากข่าว เนเธอร์แลนด์สั่งแอปเปิลเปิดเสรีระบบจ่ายเงินบน App Store สำหรับแอพหาคู่เดต
แอปเปิลออกมาประกาศว่าไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของ Authority for Consumers and Markets (ACM) หน่วยงานด้านการแข่งขันของเนเธอร์แลนด์ โดยจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาล อย่างไรก็ตาม ระหว่างกระบวนการอุทธรณ์ แอปเปิลก็ระบุว่าจะยอมปฏิบัติตามคำสั่งของ ACM ไปก่อน
สิ่งที่แอปเปิลจะทำคือ จะเปิดให้แอพหาคู่เดทใน App Store ของเนเธอร์แลนด์ ใช้ระบบจ่ายเงินอื่นได้ โดยนักพัฒนาจะต้องยื่นคำขอไปยังแอปเปิล และต้องแยกไฟล์ไบนารีที่ส่งขึ้นสโตร์ด้วย
กลายเป็นข่าวส่งท้ายปี 2021 เมื่อคณะกรรมการการแข่งขันของอินเดีย (Competition Commission of India หรือ CCI) มีคำสั่งให้สอบสวนแอปเปิลในประเด็นการบังคับจ่ายเงินบน App Store ให้ต้องใช้ระบบจ่ายเงินของแอปเปิลเท่านั้น
คดีนี้มีที่มาจากกลุ่ม Together We Fight Society ร้องเรียนต่อ CCI ว่าแอปเปิลมีพฤติกรรมผูกขาดและต่อต้านการแข่งขัน เพราะการซื้อแอพและการจ่ายเงินแบบ in-app purchase บน App Store ทั้งหมดต้องจ่ายผ่านช่องทางของแอปเปิล และต้องหักส่วนแบ่งรายได้ 30%
คณะกรรมการ CCI พิจารณาแล้วเห็นว่าแอปเปิลมีพฤติกรรมละเมิดกฎหมายแข่งขันทางการค้าของอินเดียจริง จึงให้สำนักงาน CCI สอบสวนพฤติกรรมของแอปเปิลอย่างละเอียดให้เสร็จภายใน 60 วัน แล้วรายงานกลับมายังคณะกรรมการต่อไป
หน่วยงานด้านแข่งขันทางการค้าของเนเธอร์แลนด์ Authority for Consumers and Markets (ACM) สั่งแอปเปิลให้เปิดเสรีระบบจ่ายเงินบน App Store สำหรับแอพกลุ่มหาคู่เดต
ACM บอกว่าแอพหาคู่เดตเป็นแอพกลุ่มที่จำเป็นต้องมีผู้ใช้งานหลากหลาย แต่การใช้งานบน iPhone ถูกบังคับด้วยเงื่อนไขด้านระบบจ่ายเงิน และส่วนแบ่ง 15% ของแอปเปิล ทำให้ผู้พัฒนาแอพเสียเปรียบ และกลายเป็นแอปเปิลมีอำนาจเหนือตลาด ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในภาพรวม หน้าที่ของ ACM จึงเป็นการสร้างการแข่งขันในตลาดให้มากขึ้น เพื่อให้กลไกตลาดทำงาน
คณะกรรมการการค้าของสหรัฐ (Federal Trade Commission หรือ FTC) ลงมติ 4-0 ขวางดีล NVIDIA ซื้อกิจการ Arm มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามความคาดหมาย ด้วยเหตุผลว่าการซื้อกิจการจะทำให้เกิดการกีดกันคู่แข่ง ปิดกั้นการแข่งขันและนวัตกรรม
FTC ให้เหตุผลว่าโมเดลธุรกิจของ Arm คือการขายไลเซนส์และเทคโนโลยีให้ผู้ผลิตชิปรายต่างๆ ซึ่งเป็นคู่แข่งของ NVIDIA ด้วย และบริษัทเหล่านี้ก็แชร์ความลับทางการค้ากลับไปให้ Arm เช่นกัน ดังนั้น Arm ต้องรักษาความเป็นกลาง หาก NVIDIA กลายเป็นเจ้าของ Arm ย่อมทำให้สภาวะนี้เสียไป และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจำนวนมาก เช่น ระบบรถยนต์ไร้คนขับ, การ์ดเครือข่ายรุ่นใหม่ที่เป็น DPU SmartNIC และซีพียู Arm สำหรับเซิร์ฟเวอร์
หน่วยงานด้านการแข่งขันและตลาดของอังกฤษ (Competition and Markets Authotiry - CMA) ออกคำสั่งให้ Meta บริษัทแม่ของ Facebook ต้องขายกิจการ Giphy แพลตฟอร์ม GIF ที่ Facebook ซื้อกิจการมาเมื่อปีที่แล้ว ออกไปเป็นบริษัทอิสระ ตามที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้
CMA ให้เหตุผลว่าการที่ Facebook ซื้อ Giphy ทำให้เกิดการผูกขาดในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เป็นการปิดโอกาสทำเงินจากโฆษณาของ Giphy ซึ่งจะสร้างการแข่งขัน อีกทั้ง Giphy ยังทำให้คู่แข่งที่ต้องการเข้าถึงข้อมูล GIF บนแพลตฟอร์ม อาจต้องแชร์ข้อมูลให้ Facebook อีกด้วย
บริษัทคลาวด์สตอเรจแบบโฮสต์เอง Nextcloud จากเยอรมนี ร่วมกับกลุ่มบริษัทซอฟต์แวร์สายโอเพนซอร์สจากยุโรป ยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการยุโรป (European Commission) ให้ตรวจสอบไมโครซอฟท์ในข้อหาผูกขาด OneDrive ผ่านการพ่วงไปกับ Windows
Nextcloud ให้บริการระบบแชร์ไฟล์และการสื่อสารภายองค์กร (แชท อีเมล ปฏิทิน) ซึ่งถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Office 365 จุดต่างคือระบบของ Nextcloud เป็นการโฮสต์บนเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรเอง (on premise) ด้วยเหตุผลเรื่องต้นทุน การเข้าถึง ความปลอดภัย
Nextcloud ระบุว่าพฤติกรรมการพ่วง OneDrive หรือ Teams ของไมโครซอฟท์ ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของไมโครซอฟท์ในยุโรปเพิ่มสูงถึง 66% ในขณะที่ผู้ให้บริการรายย่อยๆ เหลือส่วนแบ่งเพียง 16% ถือว่าคล้ายกับกรณีผูกขาดเว็บเบราว์เซอร์ในอดีตมาก
รัฐสภายุโรปเตรียมเสนอโหวตกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) เพื่อควบคุมพฤติกรรมของแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ให้ผูกขาดหรือใช้อิทธิพลไปกลั่นแกล้งคู่แข่ง
กฎหมายฉบับนี้ให้นิยาม "ผู้คุมแพลตฟอร์ม" (gatekeeper) ซึ่งหมายถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ๆ เช่น เว็บค้นหา โซเชียลเน็ตเวิร์ค แพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ แพลตฟอร์มแชร์วิดีโอ ผู้ให้บริการคลาวด์ ฯลฯ โดยคำนวณจากมูลค่าบริษัทตามราคาตลาดต้องเกิน 8 หมื่นล้านยูโร และมีรายได้ในยุโรปเกิน 8 พันล้านยูโรต่อปี
ปัจจุบัน แม้ Windows 11 จะสามารถเลือกเบราว์เซอร์ค่าเริ่มต้นสำหรับระบบปฏิบัติการได้ แต่เบราว์เซอร์ค่าเริ่มต้นก็ไม่ได้ใช้งานได้เสมอไป เนื่องจาก Microsoft มักจะใส่ microsoft-edge://
ในบางแอปของ Windows เช่น News เพื่อบังคับให้ต้องเปิดใน Micorsoft Edge เท่านั้น เปรียบเสมือนเป็นการแทรกแซงเบราว์เซอร์ค่าเริ่มต้นที่ผู้ใช้เลือกไว้ จึงมีผู้พัฒนาแอปอย่าง EdgeDeflector ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ คือกดลิงก์ก็ยังคงไปยังเบราว์เซอร์ค่าเริ่มต้นของ Windows ตามปกติ
ล่าสุด Microsoft เริ่มทดสอบ Windows 11 (build 22494) กับ Insider แล้ว ซึ่งผู้ทดสอบพบว่า Microsoft ปิดฟีเจอร์ไม่ให้แอปอย่าง EdgeDeflector ทำงานได้
สำนักข่าว Bloomberg รายงานเนื้อหาเพิ่มเติมจากการไต่สวนคดีที่สหภาพยุโรป สั่งปรับกูเกิล 4,342 ล้านยูโรในปี 2018 ด้วยข้อหาผูกขาดทางการค้า Android ที่ระบุว่ากูเกิลบังคับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ต้องลง Google Search และ Chrome โดยคราวนี้เป็นประเด็นเรื่องการผูกขาดเสิร์ชบน Android
ทนายความของกูเกิลให้ข้อมูลว่า มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าแม้แต่คำที่คนค้นหามากที่สุดบน Bing เสิร์ชเอ็นจินคู่แข่งของกูเกิลของไมโครซอฟท์ ก็เป็นคำว่า Google สะท้อนให้เห็นว่า การที่คนใช้กูเกิลเป็นเสิร์ชหลักนั้นเพราะพวกเขาเลือกเอง ไม่ใช่ถูกบังคับให้ใช้ ส่วนแบ่งการตลาดของเสิร์ชเอ็นจินของกูเกิลก็ยังสูงที่ระดับ 95% มาโดยตลอด
กูเกิลสู้คดีสหภาพยุโรปสั่งปรับ 4.34 พันล้านยูโรในปี 2018 ข้อหาผูกขาด Android ในแง่ว่าบังคับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ต้องลง Google Search/Chrome และกีดกันผู้ผลิตที่พยายาม fork Android เวอร์ชันของตัวเอง
ทนายของกูเกิลโต้ข้อกล่าวหาเหล่านี้ในชั้นศาล โดยบอกว่าคณะกรรมการยุโรป (European Commission หรือ EC) จงใจมองข้ามประเด็นว่ากูเกิลแข่งขันกับแอปเปิลอย่างดุเดือด ตลาดสมาร์ทโฟนไม่ได้ถูกผูกขาดแต่อย่างใด และการเลือกมองแค่ Android เพียงอย่างเดียวเป็นการตีกรอบเพื่อให้กูเกิลผิดให้ได้
หน่วยงานกำกับดูแลการผูกขาดของเกาหลีใต้ Korea Fair Trade Commission (KFTC) สั่งปรับกูเกิลเป็นเงิน 2.07 แสนล้านวอน (ประมาณ 5.8 พันล้านบาท) ในข้อหากีดกันไม่ให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนปรับแต่ง Android ใช้เอง ต้องใช้ Android เวอร์ชันของกูเกิลเท่านั้น
KFTC ระบุว่าแม้ Android เป็นโอเพนซอร์ส แต่กูเกิลบีบให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ต้องใช้ Google Android เพียงอย่างเดียว โดยบังคับต้องเซ้นสัญญา anti-fragmentation agreement (AFA) ว่าจะไม่ใช้งานหรือพัฒนา Android เวอร์ชันแยกของตัวเอง
จากคดีความฟ้องผูกขาด Google และ Apple ทำให้เราได้เห็นข้อมูลหลายด้าน ล่าสุด เอกสารศาลที่รัฐยูทาห์ ฟ้อง Google เผย Google ในปี 2019 มีรายได้ถึง 11.2 พันล้านดอลลาร์และกำไร 8.5 พันล้านดอลลาร์จากการขายแอป การซื้อในแอป และโฆษณาในร้านค้าแอป
ตัวเลขนี้ถือเป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะปกติ Google มักจะรายงานตัวเลขรายได้จากร้านค้าแอปรวมอยู่ในส่วนอื่นๆ ข้อมูลนี้ช่วยให้เห็นภาพมากขึ้นว่า ลำพังรายได้ร้านค้าแอปก็มากกว่าหมื่นล้านดอลลาร์แล้ว
มีข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกสารประกอบการพิจารณาคดี ระหว่าง Epic Games กับกูเกิล ประเด็น Google Play ผูกขาด โดยพบว่ากูเกิลพยายามเจรจากับ Netflix เพื่อให้กลับมาใช้ระบบ In-App จ่ายเงิน พร้อมให้ข้อเสนอยอมลดส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมลง จากอัตราปกติที่ 30% แลกกับการไม่สร้างระบบจ่ายเงินแยกออกมาต่างหาก แสดงให้เห็นว่ากูเกิลก็สามารถลดอัตราค่าธรรมเนียมลงเป็นพิเศษได้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้มีเอกสารจากฝั่งแอปเปิลในคดี Epic Games ว่าแอปเปิลพยายามเจรจาขอลดส่วนแบ่งกับ Netflix ซึ่งเป็นบริการที่มีคนสมัครใช้งาน subscription ยอดนิยมตัวหนึ่ง
หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางธุรกิจและการค้าของสหราชอาณาจักร (Competition and Markets Authority หรือ CMA) ออกรายงานสอบสวนเรื่องการควบกิจการระหว่าง NVIDIA กับ Arm มีเนื้อหาตรงตามข่าวก่อนหน้านี้ ว่า CMA "เป็นกังวล" (concerned) ต่อการซื้อกิจการครั้งนี้
เหตุผลของ CMA คือ NVIDIA มีโอกาสจำกัดการเข้าถึงทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ของ Arm ไม่ให้คู่แข่งใช้งาน ซึ่งจะเป็นการกีดกันการแข่งขันในหลายตลาด เช่น ศูนย์ข้อมูล เกม รถยนต์อัตโนมัติ และ IoT ส่งผลให้คุณภาพของสินค้าต่ำลงหรือราคาแพงขึ้นตามมา
CMA ระบุว่าถึงแม้ NVIDIA ให้คำมั่นว่าจะไม่กีดกันคู่แข่ง แต่ CMA บอกว่ามาตรการที่เสนอมายังไม่เพียงพอ
เดือน พ.ค. ปี 2020 Facebook ประกาศควบรวมกิจการ Giphy เว็บพอร์ทัลรวมรูป GIF หลังจากนั้นไม่นาน หน่วยงานด้านการแข่งขันและตลาด (Competition and Markets Authotiry - CMA) ของสหราชอาณาจักรเข้ามาสอบสวนการควบรวมกิจการว่าจะส่งผลต่อการแข่งขันในกลุ่มผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียหรือไม่
ล่าสุด มีรายงานจาก CMA ว่าต้องการยับยั้งการควบรวมโดยให้เหตุผลว่า GIF เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งที่โพสต์ลงโซเชียลมีเดียในหลากหลายแพลตฟอร์ม การลดตัวเลือกหรือคุณภาพของ GIF อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อวิธีที่ผู้คนใช้โซเชียลมีเดีย ด้าน Facebook บอกว่า ไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของ CMA และจะเดินหน้าแก้ไขความเข้าใจผิดต่อไป
วุฒิสมาชิกสหรัฐ Richard Blumenthal, Marsha Blackburn และ Amy Klobuchar เสนอกฎหมาย Open App Markets Act มีเป้าหมายเพื่อกำกับดูแลตลาดแอปพลิเคชัน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ Google และ Apple ที่มีอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขของตลาดแอป โดยเฉพาะเรื่องการบังคับเงื่อนไขจ่ายเงินในแอป ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ Apple โดนเพ่งเล็งเรื่องผูกขาดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
อินเดียมีมาตรการคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทั้งโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซมานาน ล่าสุดศาลฎีกาอินเดีย สั่งอนุมัติให้มีการสอบสวน Amazon, Walmart, Flipkart ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายผูกขาดหรือไม่
NVIDIA เริ่มดำเนินการซื้อ Arm บริษัทชิปสัญชาติอังกฤษเจ้าของสถาปัตยกรรม ARM ต่อจาก Softbank มูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2020 และดีลจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายนปีนี้
แต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Oliver Dowden รัฐมนตรีว่าการดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อ และกีฬา ยื่นเรื่องต่อหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางธุรกิจและการค้า (Competition and Markets Authority) ว่าการซื้อบริษัทครั้งนี้เข้าข่ายมีปัญหาด้านการผูกขาดหรือข้อกังวลด้านความมั่นคงอื่นหรือไม่
กูเกิลเพิ่มทางเลือก เลื่อนใช้นโยบายชำระเงินในแอปหรือ Play Billing (แอปที่จัดจำหน่ายผ่าน Google Play จะถูกบังคับให้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าดิจิทัล in-app purchase ผ่านระบบของกูเกิลอย่างเข้มงวดขึ้น) ไปเป็นเดือนมีนาคม 2022 จากเดิมที่มีผลเดือนกันยายนนี้
เนื่องจากนักพัฒนา Android ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะทีมวิศวกรที่อยู่ในเขตพื้นที่ระบาดหนัก เกิดความลำบากเมื่อต้องอัพเดตระบบให้ทันตามเวลา โดยบริษัทและนักพัฒนารายใดที่ต้องการเลื่อนนโยบายชำระ ต้องเข้าไปยื่นอุทธรณ์การขยายเวลาผ่านศูนย์ช่วยเหลือ
Tencent กำลังถูกรัฐบาลจีนจับตามองในทุกด้าน หน่วยงานกำกับดูแลตลาดหรือ State Administration for Market Regulation’s (SAMR) กำลังตรวจสอบการซื้อกิจการที่ผ่านมาของ Tencent ส่งผลให้บริษัทต้องระงับแผนควบรวมตรีมมิ่งเกม Huya, DouYu รวมถึงไม่สามารถเซ็นสัญญาใช้เพลงแต่เพียงผู้เดียวเพื่อสร้างความได้เปรียบในสตรีมมิ่งเพลง
ล่าสุด อาจเป็นสัญญาณผ่อนคลายความกดดันจากรัฐบาล เมื่อ SAMR อนุมัติแผนเข้าซื้อบริการค้นหา Sogou โดยเป็นการอนุมัติอย่างไม่มีเงื่อนไข
หน่วยงานป้องกันการผูกขาดฝรั่งเศส (Autorité de la concurrence) สั่งปรับกูเกิล 500 ล้านยูโร หรือประมาณ 20,000 ล้านบาทฐานละเลยไม่เจรจาค่าใช้เนื้อข่าวจากสำนักข่าวบนเว็บไซต์ หลังจากทางหน่วยงานออกคำสั่งให้กูเกิลต้องเจรจาหาแนวทางจ่ายค่าใช้เนื้อหาบนเว็บตั้งแต่ปี 2020
กูเกิลระบุว่าผิดหวังกับการสั่งปรับครั้งนี้ และบริษัทกำลังพยายามทำตามกระบวนการ โดยการเจรจากับสำนักข่าว AFP ก็ใกล้ได้ข้อตกลงแล้ว