Spotify ร่วมกับบริษัทไอทีที่ทำธุรกิจในยุโรปอีกหลายราย เช่น Deezer, Epic Games, Proton, 37signals และสมาคมด้านดิจิทัล-เทคโนโลยีในยุโรปอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งหมด 34 องค์กร ร่วมกันส่งจดหมายถึงคณะกรรมการยุโรป (European Commission) ร้องเรียนว่าแอปเปิลไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของยุโรป
จดหมายนี้สรุปประเด็นที่แอปเปิลไม่ยอมปฏิบัติตาม DMA จำนวน 4 ข้อคือ
ตอนนี้กูเกิลกำลังเจอกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (Department of Justice หรือ DoJ) สั่งฟ้องข้อหาผูกขาดตลาด Search ในสหรัฐ กระบวนการไต่สวนยังอยู่ในชั้นศาล
ฝั่งกูเกิลได้ส่งเอกสารแก้ต่างต่อศาล เอกสารฉบับนี้ได้เปิดเผย "ข้อมูลใหม่" ว่าไมโครซอฟท์เคยเสนอขาย Bing ให้แอปเปิลในช่วงปลายปี 2018 แต่สุดท้ายแอปเปิลปฏิเสธข้อเสนอนี้
มีรายงานจาก The Financial Times ว่าคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission - EC) เตรียมออกคำสั่งปรับแอปเปิลเป็นเงิน 500 ล้านยูโร จากประเด็นผูกขาดทางการค้าที่ Spotify ร้องเรียนเมื่อปี 2019
ประเด็นที่ร้องเรียน ระบุว่าแอปเปิลพยายามขัดขวางบริการฟังเพลงสตรีมมิ่งรายอื่น เช่น Spotify ไม่ให้บอกลูกค้าว่ามีช่องทางจ่ายเงินค่าสมาชิกทางอื่น เพราะต้องการให้จ่ายผ่านช่องทาง In-App ที่แอปเปิลได้ส่วนแบ่งค่าธรรมเนียม แนวทางนี้ทำให้ไม่ยุติธรรมในการแข่งขันกับบริการฟังเพลงสตรีมมิ่งของแอปเปิลเองคือ Apple Music
Mozilla ออกมาแสดงความเห็นจากนโยบายใหม่ของแอปเปิล ที่ปฏิบัติตามกฎหมาย DMA ของสหภาพยุโรป ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้เบราว์เซอร์อื่นเป็นค่าเริ่มต้นง่ายขึ้น และผู้พัฒนาก็ไม่ต้องใช้ WebKit เป็นเอ็นจินได้ด้วย ทั้งหมดอาจฟังดูเป็นประโยชน์สำหรับผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ 3rd Party แต่ Mozilla ไม่คิดเช่นกัน
Spotify ในฐานะไม้เบื่อไม้เมากับแอปเปิลในเรื่องการจ่ายเงินผ่าน App Store มายาวนาน ออกแถลงการณ์วิจารณ์นโยบายใหม่ของแอปเปิลที่ปฏิบัติตามกฎหมาย DMA ของยุโรป ว่าเป็นการพรางตัว (masquerading) ว่าทำตามกฎหมายแล้วนะ แต่จริงๆ แล้วยังเหมือนเดิมหรือแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ
Spotify วิจารณ์นโยบายใหม่ของแอปเปิล 3 ประเด็น
Epic Games ประกาศทำ Epic Games Store บน iOS หลังแอปเปิลปรับเงื่อนไขของแพลตฟอร์มตามกฎหมาย DMA ของยุโรป (สโตร์นี้จะมีบริการเฉพาะในยุโรปเท่านั้น)
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดมากนัก โดย Epic Games ระบุว่ากำลังหารือรายละเอียดเรื่องกรอบเวลาตามกฎหมายอยู่ แต่ที่แน่ๆ คือเราจะได้เห็นเกม Fortnite กลับมาให้เล่นบน iOS โดยสามารถดาวน์โหลดได้จาก Epic Games Store โดยตรง
แอปเปิลปรับเงื่อนไขการใช้งาน App Store ทันที หลังคดีกับ Epic Games ได้ข้อยุติ ยืนตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ นั่นคือ แอปเปิลต้องเปิดให้นักพัฒนาแอพเพิ่มช่องทางการจ่ายเงินนอกสโตร์ได้ด้วย
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นกับ App Store Guidline ข้อ 3.1.1(a) Link to Other Purchase Methods ที่เปลี่ยนเป็นว่านักพัฒนาสามารถแสดงลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของนักพัฒนาเอง เพื่อซื้อสินค้าในแอพได้ แต่เงื่อนไขนี้จำกัดเฉพาะ App Store ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ความคืบหน้าของคดีฟ้องร้องระหว่าง Epic Games กับแอปเปิล นับตั้งแต่ ศาลอุทธรณ์ตัดสินเมื่อเดือนเมษายน 2023 ว่าแอปเปิลไม่ได้ผูกขาด แต่ต้องเพิ่มช่องทางจ่ายเงินแบบอื่นด้วย ทั้งฝั่งของ Epic และแอปเปิล (ที่ไม่พอใจคำตัดสินทั้งคู่) จึงยื่นฎีกาต่อศาลสูงสุด (Supreme Court) เพื่อเดินหน้าคดีต่อ
The New York Times รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเผยว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการสอบสวนประเด็นผูกขาดทางการค้าของแอปเปิลแล้ว โดยน่าจะยื่นฟ้องร้องได้ภายในครึ่งแรกของปี 2024
ประเด็นหลักที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐใช้ในการฟ้องร้องแอปเปิลข้อหาผูกขาดทางธุรกิจ คือการออกแบบการทำงานที่เป็นระบบปิดของแอปเปิล เช่น Apple Watch เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ทำงานได้ดีร่วมกับ iPhone มากกว่าการใช้สมาร์ทวอทช์อื่นหรือไม่ ไปจนถึงประเด็นร้อนล่าสุดอย่าง iMessage, ระบบการจ่ายเงิน Apple Pay, AirTag ทำงานได้ดีบน iPhone เมื่อเทียบกับแทร็กเกอร์อื่น, การปิดไม่ให้ใช้คลาวด์เกมมิ่ง เป็นต้น
หลังจากที่ EU ผ่านกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) เพื่อป้องกันการกีดกันทางการค้าในสหภาพยุโรป โดยมีผลบังคับใช้ภายในเดือนมีนาคม 2024 ถึงแม้ว่า Apple จะไม่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการ แต่จากรายงานต่างๆที่ออกมา ทำให้มีการคาดการณ์จากหลายสำนักวิเคราะห์ว่าหน่วยงานกำกับการดูแลในหลายๆประเทศกำลังออกกฎบังคับแบบเดียวนี้ในประเทศของตัวเองเช่นกัน และหนึ่งในนั้นคือประเทศในฝั่งเอเชียอย่างประเทศญี่ปุ่น
ตามรายงานของสำนักข่าว Nikkei Asia หน่วยงานกำกับดูแลในญี่ปุ่นเตรียมออกกฎหมายป้องกันการผูกขาด เพื่อบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Apple และ Google เปิดให้ผู้ใช้สามารถโหลดแอปจาก Store ภายนอก และจ่ายเงินซื้อคอนเทนต์ผ่านช่องทางเลือกได้
กูเกิลประกาศยอมความในคดีที่โดนอัยการของรัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาฟ้องข้อหาผูกขาดช่องทางจัดจำหน่ายแอพบน Android โดยยอมเสียค่าปรับ 700 ล้านดอลลาร์ และปรับแก้วิธีการทำงานของ Android เพื่อเปิดให้เกิดการแข่งขันบนแพลตฟอร์มมากขึ้น
คณะลูกขุนในคดีที่ Epic Games ฟ้องกูเกิลในข้อหาผูกขาดแอปสโตร์ ออกคำตัดสินแบบเป็นเอกฉันท์ว่ากูเกิลมีพฤติกรรมผูกขาดบน Android และทำให้ Epic ได้รับผลกระทบทางธุรกิจ
Wilson White ตัวแทนของกูเกิลออกแถลงการณ์ ว่าจะอุทธรณ์คำตัดสินในคดีนี้ โดยยืนยันว่า Android และ Google Play เป็นแพลตฟอร์มเปิดและให้ทางเลือกมากกว่า และบอกว่าข้อมูลจากการไต่สวนแสดงให้เห็นว่ากูเกิลอยู่ในการแข่งขัน ทั้งกับ App Store ของแอปเปิล และสโตร์อื่นบน Android
CMA หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของสหราชอาณาจักร ประกาศรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างไมโครซอฟท์ และ OpenAI ทั้งการลงทุนในธุรกิจ ความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยี ตลอดจนการได้สิทธิประโยชน์บริการบนคลาวด์ ว่าเข้าข่ายมีอำนาจควบคุม OpenAI หรือไม่
ทาง CMA ตั้งข้อสังเกตว่าความร่วมมือของสองบริษัทนี้ อาจส่งผลกระทบ เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือผู้พัฒนา AI รายอื่น และอาจนำไปสู่การผูกขาดได้ในอนาคต ทั้งนี้ CMA ยังไม่ได้ระบุว่าความร่วมมือนี้เข้าข่ายผูกขาด แต่จะรับฟังความคิดเห็นก่อน
Reuters รายงานข่าวว่าทั้งกูเกิลและ Amazon ยื่นหนังสือต่อ CMA หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของสหราชอาณาจักร ให้เข้าไปสอบสวน Microsoft Azure ว่ากีดกันการแข่งขันในตลาดคลาวด์ ด้วยวิธีจำกัดไลเซนส์การใช้งานซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์บนคลาวด์ยี่ห้ออื่น
ตัวอย่างคือหากลูกค้ามีไลเซนส์ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์อยู่ก่อนแล้ว (เช่น Windows Server หรือ SQL Server) หากต้องการนำไปใช้บนคลาวด์ยี่ห้ออื่น ลูกค้าจำเป็นต้องซื้อไลเซนส์ใหม่แยกต่างหาก แต่ถ้านำไปใช้บน Azure จะสามารถใช้งานได้เลย
จดหมายของกูเกิลระบุว่าวิธีจำกัดไลเซนส์ของไมโครซอฟท์ ทำให้ลูกค้าองค์กรไม่สามารถย้ายไปใช้คลาวด์ยี่ห้ออื่นได้ แม้ว่าคลาวด์คู่แข่งขายถูกกว่าก็ตาม
Competition and Markets Authority (CMA) หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของสหราชอาณาจักร ออกรายงานประเมินความเสี่ยงจากดีล Adobe ซื้อ Figma มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ว่าส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในธุรกิจซอฟต์แวร์ด้านออกแบบ
ประเด็นนี้ไม่เกินความคาดหมายนัก เพราะ CMA ประกาศเริ่มสอบสวนดีลนี้ในเฟส 2 ตั้งแต่กลางปี ส่วนผลการสอบสวนคือ Adobe XD และ Figma เป็นคู่แข่งกันโดยตรงในตลาดซอฟต์แวร์ออกแบบผลิตภัณฑ์ โดย CMA พบว่า 80% ของนักออกแบบผลิตภัณฑ์ใช้ซอฟต์แวร์ของ Figma ดังนั้นการซื้อกิจการย่อมกระทบต่อการแข่งขันและนวัตกรรม เพราะมีตัวเลือกในตลาดน้อยลง
จากคดีบริษัทเกมอินดี้ Wolfire Games ฟ้อง Valve เมื่อเดือนเมษายน 2021 ว่าผูกขาดช่องทางขายเกมบนพีซีด้วย Steam Gaming Platform (ส่วนที่จัดการรายชื่อเพื่อน มัลติเพลเยอร์ และอื่นๆ บีบให้บริษัทเกมจำเป็นต้องมาขายบน Steam Store)
ตอนนี้คดีมีความคืบหน้าแล้วคือทนายของ Wolfire ยื่นคำขอต่อศาล ให้มีคำสั่งเรียกตัว Gabe Newell ประธานและผู้ก่อตั้ง Valve มาให้การในชั้นศาลด้วยตัวเอง
ไมโครซอฟท์ประกาศปรับ Windows 11 ตามกฎหมายการแข่งขัน Digital Markets Act (DMA) ของเขตเศรษฐกิจยุโรป (European Economic Area หรือ EEA) โดยมีสาระสำคัญดังนี้
คดีดังระหว่าง Epic Games กับแอปเปิล กำลังอยู่ในชั้นศาลฎีกาสหรัฐ แต่ Epic Games ยังมีอีกคดีกับกูเกิลในลักษณะเดียวกัน ที่กระบวนการชั้นศาลยังตามหลังคดีกับแอปเปิลอยู่ และจะมีนัดไต่สวนกันในสัปดาห์หน้า
ล่าสุดกูเกิลออกมาตอบโต้ Epic Games ผ่านบล็อกของบริษัท โดยบอกว่าการฟ้องร้องกูเกิลผูกขาดช่องทางเผยแพร่เกมบน Android เป็นเรื่องไม่จริง และไม่สามารถนำคดีกับแอปเปิลมาเทียบเคียงได้ ปัจจัยสำคัญคือ Android อนุญาตให้มีสโตร์อื่นนอกจาก Google Play เช่น Samsung Galaxy Store และ Amazon Appstore รวมถึงอนุญาตให้ติดตั้งแอพเองได้ผ่าน sideloading
การไต่สวนคดีที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้องกูเกิล เรื่องผูกขาดธุรกิจเสิร์ชเอ็นจินได้ดำเนินต่อในสัปดาห์นี้ และมีข้อมูลน่าสนใจหลายอย่างที่เผยแพร่ออกมา โดยมีเอกสารหนึ่งที่ผู้พิพากษา Amit Mehta สั่งให้เผยแพร่ต่อสาธารณะ คือคำค้นหา ที่สร้างรายได้จากโฆษณามากที่สุดให้กับเสิร์ชของกูเกิล
ทั้งนี้กูเกิลเคยบอกว่ามีการค้นหาประมาณ 20% เท่านั้น ที่กูเกิลจะแสดงโฆษณาในผลลัพธ์ ซึ่งเป็นคำค้นหาที่สามารถต่อยอดประชาสัมพันธ์ขายสินค้าหรือบริการได้ ขณะที่คำค้นส่วนใหญ่ไม่ได้แสดง
สำนักข่าว Bloomberg อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องระบุว่า แอปเปิลเคยเจรจากับ DuckDuckGo ผู้ให้บริการเสิร์ชที่ชูจุดขายความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยแอปเปิลมีแผนนำ DuckDuckGo มาใส่เป็นเสิร์ชค่าเริ่มต้น (default) สำหรับการใช้งานโหมด Private ใน Safari
อย่างไรก็ตามการเจรจานี้ไม่บรรลุผล และแอปเปิลก็เลือกใช้ Google Search ของกูเกิลเป็นเสิร์ชค่าเริ่มต้นต่อไป
การไต่สวนในคดีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้องกูเกิล ประเด็นผูกขาดธุรกิจเสิร์ชเอ็นจิน ได้ดำเนินต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ได้ร่วมให้การต่อศาลถึงประเด็นดังกล่าว
Nadella กล่าวถึงดีลที่กูเกิลจ่ายเงินให้แอปเปิลปีละหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นเสิร์ชเอ็นจินพื้นฐานในอุปกรณ์ (default) ส่งผลให้คนไม่สามารถหนีกูเกิลพ้นได้ นอกจากจะเปลี่ยนเสิร์ชพื้นฐานในการตั้งค่าเอง เขายังบอกว่าการเปลี่ยนตั้งค่าทำได้ง่ายมากบน Windows แต่ยากที่สุดบนสมาร์ทโฟน
FTC และอัยการของ 17 รัฐในอเมริกายื่นฟ้อง Amazon โดยระบุว่าบริษัทมีพฤติกรรมผูกขาดของส่วนธุรกิจมาร์เกตเพลส และใช้กลยุทธ์หลายอย่างเพื่อรักษาการผูกขาดนี้ไว้ เช่น บีบผู้ขายไม่สามารถขายสินค้าราคาถูกกว่าในช่องทางอื่นหากตรวจพบ บังคับให้ผู้ขายใช้บริการต่าง ๆ ของ Amazon ทั้งโฆษณา ขนส่ง ที่คิดราคาสูง แต่หากไม่ใช้ก็จะถูกลดคะแนนลง เป็นต้น
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า FTC เตรียมฟ้อง Amazon ซึ่งมีความพยายามมาหลายปีแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ Amazon ปรับโครงสร้างธุรกิจที่จะลดการผูกขาดดังกล่าว
Eddy Cue หัวหน้าส่วนธุรกิจ Services ของแอปเปิล ได้ให้การต่อศาลเพื่อเป็นพยานในคดีที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้องกูเกิล เกี่ยวกับการผูกขาดธุรกิจเสิร์ช ซึ่งแอปเปิลถือเป็นพยานรายสำคัญ เพราะกูเกิลจ่ายเงินให้แอปเปิล ด้วยตัวเลขระดับหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อแลกกับการเป็นเสิร์ชค่าเริ่มต้น (default) ใน iPhone, iPad และ Mac
เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการยุโรปเข้าสอบสวน Microsoft หลัง Salesforce ที่เป็นเจ้าของ Slack ร้องเรียนว่าอาจเข้าข่ายผูกขาด เหตุ Microsoft พ่วง Teams เข้ามาในชุด Microsoft 365 ล่าสุด Microsoft ยอมขาย Microsoft 365 แบบไม่พ่วง Teams แล้ว
Microsoft ระบุว่าบริษัทจะขาย Microsoft 365 แบบไม่พ่วง Teams ในราคาที่ถูกลง รวมถึงจะพยายามทำให้ Microsoft 365 และ Office 365 ทำงานร่วมกับเครื่องมือของคู่แข่งได้ง่ายขึ้นด้วย
ดีลที่ Adobe ประกาศซื้อกิจการ Figma ด้วยมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มถูกหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศต่าง ๆ มาสอบสวนมาเป็นการผูกขาดหรือไม่ ล่าสุด คณะกรรมการยุโรป หรือ European Commission ประกาศเตรียมทำการสอบสวนเต็มรูปแบบ หลังจากประเมินขั้นต้นว่าอาจเป็นการผูกขาดตลาด
หน่วยงานกำกับดูแลการผูกขาดการค้าของ EU มองว่าดีลนี้ทำให้ Adobe สามารถควบคุมตลาดในระดับโลก ให้ลดการแข่งขัน ลูกค้ามีตัวเลือกซอฟต์แวร์ออกแบบงานน้อยลง โดยทาง EU จะดูรายละเอียดว่าหากดีลนี้สำเร็จ ลูกค้าจะยังมีทางเลือกอยู่มากพอหรือไม่